ในหัวใจห้าวที่เคยขี้โรคด้วย
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันมาอย่างหนักๆถึง 3 ครั้ง
นี้ มีองค์พระอสีติมหาสาวกเป็นไอด้อล ถึง 3 องค์ด้วยกันคือ
1. ท่านพระอนุรุทธะ
ผู้เลิศในทิพยจักษุและเป็นผู้รับพุทธบัญชาให้ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาบนเส้นทางสายไหมสมัยพุทธกาลหลายพรรษา
2. ท่านพระปิลโฑลภารัทวาชะ ผู้เลิศในการบรรลือสีหนาท
และใช้ฤทธิ์ปกป้องพระศาสนา เป็นองค์แรก
3.ท่านพระปิลินทวัจฉะ ผู้เลิศในการเป็นที่รักแห่งเทวดา...เพราะท่านนิยมใช้ฤทธิ์ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของเหล่าอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายผู้ต่ำต้อยด้อยโอกาสในสังคมอารยัน
Atthanij Pokkasap
คิดจะฝึกสมาธิ ต้องตัดอาลัยเรื่องอาชีพการงานเป็นอันดับแรกครับ...
Atthanij Pokkasap
ลงทุนน้อยสุดเพื่อบรรลุผลกำไรใหญ่สูงสุด...มีศาสนาไหนสอนไว้มั่ง
นอกจากพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น
Atthanij Pokkasap
นอนน้อย กินน้อย ทำงานน้อย...อิอิ...
Atthanij Pokkasap
ไสยศาสตร์กับบทฝึกจิตให้ขาวสว่างรอบ
..กับประโยชน์ตนประโยชน์ท่านตลอดรายทางการฝึก...มัน
ไปแยกเป็นเดรัจฉานวิชา..ก็กรรมหนักทางปัญญาของมันเองล้วนๆ นะครับ...
ส่วนล่างของฟอร์ม
Atthanij Pokkasap ที่ทุ่มเทฝึกฝนร่างกายเพื่อให้ถึง
ความแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่สติปัญญาในขณะปัจจุบันสามารถจัดการบริหารมาถึงได้...
ก็เพื่อ...หวังพิสูจน์ พระพุทธวจนะ นี้เอง
เป็นพระพุทธวจนะ
ตรัสไว้ใน..กีฏาคิริสูตร ข้อ(๒๒๒-๒๓๙) หมวดมัชฌิมปัณณาสก์
มัชฌิมนิกาย
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่ม ๑๓/๔๕
เนื่องจาก
ท่านครูฝึกม้า(อัสสชิ..คนละรูปกับท่านอัสสชิในปัญจวัคคีย์) กับ
ท่านกลาก(ปุนัพพสุกะ)
สองในหก ฉัพพัคคีย์
ตั้งสำนักกีฏาคิริวิหารเปิดผับให้พนักงานพระเตรียมพวงมาลัยดาวเรืองคล้องต้อนรับผู้สัญจรผ่านไปมาให้เข้ามีเลี้ยงฉลองความรื่นเริงในวิหาร
ร้องรำทำเพลงบันเทิงทั้งกลางวันและกลางคืน
ความทราบไปถึงพระศาสดา...จึงตรัสให้
ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลานะ
พระอุปปัชฌาย์
และพระกรรมวาจาจารย์ที่บวช สองพระเดินทางมาจัดการรับผิดชอบตามหน้าที่
แต่ก็หาได้เป็นที่ยอมรับของเหล่าพระจัญไรและมหาสนุกแห่งวิหารนี้ไม่...ถึงขั้น
ต้องมี
การเทศนา
"อัคคีขันธุปมสูตร..." ทำให้พระเกิดความละอายอาเจียนเป็นโลหิตสดๆ 60 รูป
จีวรกระเจิง 60 รูป และบรรลุธรรมสูงสุด 60 รูป...ฯลฯ
เรื่องของพระหน้าด้าน
อาศัยพระธรรมวินัยเป็นอาชีพสนองกิเลสตัณหา มีมาอย่างหนักแต่
สมัยพุทธกาลแล้ว...
แต่..ที่เยี่ยมยอด
คือ ที่ "นายขยะ" ฝึกฝนร่างกายเพื่อพิสูจน์ธรรมอันเป็นคำสอนแห่ง
พระศาสดาตามพระสูตรนี้ครับ...เข้าทดสอบหลายครั้งแล้วตลอด
ครึ่งศตวรรษมานี้...แม้
ไม่ผ่าน..แต่ก็แกร่งขึ้นๆตามวันเวลา....ครับ
จนกากสารปนเปื้อนมันว่า โม้น่ะล่ะครับ
คราวครั้งนี้.....เดิมพันด้วยอนาคตของตนเองและ..ลูกตาดำๆหลายชีวิต
ครับ
โปรดติดตาม..
..(อิ อิ)
No comments:
Post a Comment