Atthanij Pokkasab
5 ธันวาคม 2013
ธรรมะ วันพฤหัสบดี๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖
เรื่อง พระโพธิสัตว์รักษาโรคแห่งความโลภของพระราชา
เรื่อง พระโพธิสัตว์รักษาโรคแห่งความโลภของพระราชา
สัตว์ทั้งหลาย เมื่อจะไปสู่ปรโลกนั้น
ย่อมละสิ่งทั้งปวงไป แม้แต่สรีระของตนก็เอาไปด้วยมิได้
ถึงพระองค์ได้สมบัติใน ๔ พระนคร
พระองค์ก็มิได้เสวยพระกระยาหารในสุวรรณภาชนะทั้ง ๔ นคร
มิได้ทรงบรรทม ใน ๔ พระนคร
มิได้ทรงประดับเครื่อง แห่งราชาทั้ง ๔ นคร
พร้อมกันในคราวเดียวได้
พระองค์ จะมาเป็นไปในอำนาจแห่งตัณหานั้น หาควรไม่
แท้จริง ชื่อว่า ตัณหานี้ ถ้าว่าเจริญมากขึ้น
ก็ไม่สามารถยกให้ศรีษะพ้นจากอบาย ทั้ง ๔ ได้
รังแต่จะกดศรีษะในจมลงสู่อบายถ่ายเดียว
ย่อมละสิ่งทั้งปวงไป แม้แต่สรีระของตนก็เอาไปด้วยมิได้
ถึงพระองค์ได้สมบัติใน ๔ พระนคร
พระองค์ก็มิได้เสวยพระกระยาหารในสุวรรณภาชนะทั้ง ๔ นคร
มิได้ทรงบรรทม ใน ๔ พระนคร
มิได้ทรงประดับเครื่อง แห่งราชาทั้ง ๔ นคร
พร้อมกันในคราวเดียวได้
พระองค์ จะมาเป็นไปในอำนาจแห่งตัณหานั้น หาควรไม่
แท้จริง ชื่อว่า ตัณหานี้ ถ้าว่าเจริญมากขึ้น
ก็ไม่สามารถยกให้ศรีษะพ้นจากอบาย ทั้ง ๔ ได้
รังแต่จะกดศรีษะในจมลงสู่อบายถ่ายเดียว
กามตัณหาอันยังมาไม่ถึงก็ดี
ความอยากในกามอันถึงเวลาแล้วก็ดี
แห่งชนพาลเจริญขึ้นทุกที ดุจเขาบนหัวโค
ธรรมดาเขาโคนั้น
เมื่อโคยังเป็นลูกโคน้อยอยู่ เขาก็ยังเล็ก
และเมื่อลูกโคเจริญขึ้นเป็นโคใหญ่ เขาย่อมใหญ่ตาม
ความอยากในกามอันถึงเวลาแล้วก็ดี
แห่งชนพาลเจริญขึ้นทุกที ดุจเขาบนหัวโค
ธรรมดาเขาโคนั้น
เมื่อโคยังเป็นลูกโคน้อยอยู่ เขาก็ยังเล็ก
และเมื่อลูกโคเจริญขึ้นเป็นโคใหญ่ เขาย่อมใหญ่ตาม
เมื่อมีพระทัยระลึกถึงอยู่เนืองๆซึ่งกามคุณเพียงไร
ก็ยิ่งไม่ประสบความอิ่มเพียงนั้น
ตัณหาแห่งสัตว์ทั้งหลายที่รำพึงแผ่ซ่านไปในกามคุณนั้น
ไม่มีที่สุด
บุคคลทั้งหลายเหล่าใด
มีปัญญาบริบูรณ์ มีจิตคิดกลับเสียจากวัตถุกามและกิเลสกาม
หลีกเสียด้วยกาย ไม่เกลือกกลั้วกาม
บุคคลทั้งหลายเหล่านั้น ชื่อว่า ผู้อิ่ม
ก็ยิ่งไม่ประสบความอิ่มเพียงนั้น
ตัณหาแห่งสัตว์ทั้งหลายที่รำพึงแผ่ซ่านไปในกามคุณนั้น
ไม่มีที่สุด
บุคคลทั้งหลายเหล่าใด
มีปัญญาบริบูรณ์ มีจิตคิดกลับเสียจากวัตถุกามและกิเลสกาม
หลีกเสียด้วยกาย ไม่เกลือกกลั้วกาม
บุคคลทั้งหลายเหล่านั้น ชื่อว่า ผู้อิ่ม
ความอิ่มแห่งปัญญาเท่านั้นจึงเป็นของประเสริฐ
เป็นทิพยหารแห่งชีวิต แท้ ฯ
เป็นทิพยหารแห่งชีวิต แท้ ฯ
จาก กามชาดก อรรถกถาแห่งชาดก(ชาฏกัตถกถา)
No comments:
Post a Comment