Panu Wongpanuvut
ภายหลังต่อมาจากสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าโกนาคามนะ เมื่อพระศาสนา
Panu Wongpanuvut จะวิเคราะห์ได้ว่า การที่มนุษย์ตัวเล็กลงเรื่อยๆนี้เกิดขึ้นหลังพระพุทธศาสนาและจักรวาลล่มสลายไปแล้ว ดังนั้น มนุษย์ปัจจุบันไม่มีทางตัวเล็กลงรึใหญ่ขึ้นมากว่านี้เป็นร้อยเท่า มีอายุน้อยลงรึมากขึ้นกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่าอย่างแน่นอน
พระองค์ทรงยังศาสนธรรมให้รุ่งโรจน์ ข่มขี่เดียรถีย์ผู้หลอกลวงเสีย
ทรงแนะนำเวไนยสัตว์แล้ว เสด็จปรินิพพานพร้อมทั้งพระสาวก
ครั้นเมื่อพระโลกนาถพร้อมทั้งพระสาวกปรินิพพานแล้ว ครั้นเมื่อ
พระศาสนธรรม กำลังจะสิ้นศูนย์อันตรธาน ทวยเทพและมนุษย์พา
กันสลดใจ สยายผม มีหน้าเศร้า คร่ำครวญว่า ดวงตาคือธรรมจัก
ดับแล้ว เราจักไม่ได้เห็นท่านที่มีวัตรดีงามทั้งหลาย เราจักไม่ได้ฟัง
พระสัทธรรม น่าสังเวช เราเป็นคนมีบุญน้อย ครั้งนั้น พื้นปฐพี
ทั้งหมดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งหนา ได้ไหวสะเทือน สาครสมุทรพูดได้
แม่น้ำร้องอย่างน่าสงสาร อมนุษย์ตีกลองดังทั่วทั้งสี่ทิศ อสนีบาต
อันน่ากลัวตกลงไปรอบๆ อุกกาบาตตกจากท้องฟ้า ดาวหางปรากฏ
เกลียวแห่งเปลวไฟมีควันพวยพุ่ง หมู่มฤคร้องครวญครางอย่างน่า
สงสาร ครั้งนั้น เราทั้งหลายเป็นภิกษุรวม ๗ รูปด้วยกัน ได้เห็น
ความอุบาทว์อันร้ายแรง แสดงเหตุว่าพระศาสนาจะสิ้นสูญ จึง
เกิดความสังเวช คิดกันว่า เว้นพระศาสนาเสีย ไม่ควรที่เราจะมี
ชีวิตอยู่ เราทั้งหลายจึงเข้าไปสู่ป่าใหญ่แล้วจะบำเพ็ญเพียรตาม
คำสอนของพระชินสีห์เจ้า ครั้งนั้น เราทั้งหลายได้พบภูเขาหินใน
ป่าสูงลิ่ว เราไต่มันขึ้นทางพะอง แล้วผลักพะองให้ตกลงเสีย
ครั้งนั้น พระเถระได้ตักเตือนเราว่า การอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าหา
ได้ยาก
No comments:
Post a Comment