ท่าบริหาร กระเพาะอาหาร
ท่าบริหาร กระเพาะอาหารลดรอบเอว เพิ่มพลังพุงแบบง่ายที่สุด
โดยฝึกควบคุมลมในกระเพาะอาหาร
(กองลมที่ 3 กุจฉิสยาวาต)
ยืนยัน บทสวด "สักกัตวา ฯ"
ที่ว่า ถึงสงฆ์ผู้อริยะ ย่อมถึงโอสถอันประเสริฐสูงสุด
ที่ให้การปราศไปจากโรค
นั่งขัดสมาธิ์ ตั้งกายตรง
กำหมัดหลวมๆ ทั้งซ้ายขวา วางบนหัวเข่าทั้งสอง
หายใจออก(ปัสสาสะ) พร้อมค่อยๆกดหมัดทั้งสองบนเข่าทั้งสอง
จนหายใจออกช้าๆจนสุด
แล้วหายใจเข้า(อัสสาสะ)ช้าๆจนสุด
รักษาการตั้งกายตรงไว้ให้มั่นคง
ตลอดการหายใจออก-หายใจเข้า และการกดหมัดลงบนเข่า
จากกดเบาๆ เมื่อคล่องชำนาญดีแล้ว
จึงเพิ่มน้ำหนัก ไปจนถึงกดสุดกำลัง
ทำประจำครั้ง ละ 5-10 ชุดการหายใจ(ออก-เข้า คือ 1 ชุด)
จบตอนที่ 1.1.
การสรุปเนื้อหา
1.2.หลักวิชาการ
กระผมขอทวนใหม่เล็กน้อยครับ
โดยกระผมได้ทำเผื่อไว้สำหรับทั้งบุคคลที่ทำอยู่แล้วแต่ไม่เข้าใจและสำหรับบุคคลที่สนใจที่จะทำครับ
ตัวกระผมเองได้ปฏิบัติจริงตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมแต่มีการเตรียมพร้อมร่างกายมาตั้งแต่ต้นเดือนถึงกลางเดือนตุลาคมครับ
ผลคือ ถ้าทำสม่ำเสมอทั้งเช้าและก่อนนอน
(แรกๆจะไม่เจอผลที่ชัดเจนเท่าไรนัก)
ร่างกายจะรู้สึกง่วงน้อยลง หาวน้อยลง
และรู้สึกว่ามีสติแทบจะตลอดเวลาครับ
(ถ้าไม่จริง มนุษย์อย่างเช่น กระผม ที่มักจะนอนไม่ถึง 6 ชั่วโมงคงตื่นมาแล้วมาง่วงในที่ทำงานอย่างแน่นอนครับ
และคงไม่มาทำเรื่องราวการค้นพบตนเองตอนที่ 1 ด้วย
แต่ที่มาทำก็เพราะว่า กระผมได้พิสูจน์และได้พบว่า เป็นของจริงครับ)
ปล.แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พยายามอย่านอนน้อยนะ
ที่กระผมนอนดึกเพราะ มีอะไรที่ต้องทำมากมายจริงๆครับ
หมายเหตุ:
ใครจะทำ อย่าทำด้วยตนเองนะครับ ถามผู้รู้ก่อนจะดีที่สุดครับ
ที่ไม่ให้ทำด้วยตนเองเพราะส่วนมากทำผิดวิธีและก็จะมาโทษหลักการว่า
"ไม่ได้เรื่อง กักลมไรห่าว่ะ ไม่ได้เ..อี้ยไรเลย "
บางรายที่ทำไม่ถูกวิธี จะเริ่มมาพาลใส่คนที่เขาทำถูกวิธี
(บางคน) ว่า
"งมงายว่ะ ไสยดำว่ะ ทำแล้วไม่ได้ผลเลยว่ะ"
"กักลมอะไรแม่มของมันว่ะ แก่จะลงโลง ยังเล่นเป็นเด็กอยู่เลย"
กระผมจะบอกว่า ของพวกนี้อยู่ที่ใจล้วนๆ ถ้าใจคุณพร้อม
อะไรๆก็พร้อมครับ
ปล.ประโยคที่ว่านั้นเป็นเพียงการยกตัวอย่างจากคนที่มักจะไม่รู้จริงและชอบไปด่วนตัดสินในสิ่งที่ตนเองก็ไมรู้
กระผมจึงขอย้ำว่า
"คนพรรค์นี้มักจะอยู่ยากในสังคมมนุษย์และจะอยู่ง่ายได้แค่ในสังคมอมนุษย์เท่านั้นครับ"
เริ่มต้นเลยครับ
ก่อนที่จะทำควรเตรียมพร้อมร่างกายสักสามถึงเจ็ดวันด้วยการ
"หายใจแบบเข้าออกสุด"
อย่าหายใจทางปากและอย่าพยายามทำให้เกิดเสียงดังมากเกินไปเพราะไม่ใช่การหายใจตามธรรมชาติเลย
การหายใจควรทำทางจมูกเพราะลมหายใจจะเข้าปอดเต็มๆ
ส่วนการหายใจทางปาก ลมหายใจจะเข้าท้องและการทำกักลมอัสมิตาไปก็จะแทบไร้ประโยชน์เพราะไม่ได้เป็นการหายใจที่มันควรจะเป็นครับ
ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ครับ
1.พยายามอย่าเน้นปริมาณจนลืมความละเอียด
ตัวเลขสำคัญแต่ถ้าในแต่ละตัวเลขความละเอียดต่ำ
ก็เหมือนหน่วยความจำที่มีความจุต่ำๆแต่มีเยอะๆแหละซึ่งเปลืองพลังงานแต่
ถ้าน้อยแต่ละเอียดก็เหมือนหน่วยความจำที่มีความจุมากๆแต่มีจำนวนน้อยซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่าครับ
2.เตรียมร่างกายด้วยการหายใจเข้าออกสุด ขั้นต่ำสามรอบถึงห้ารอบครับ
(ก็หายใจปกตินี้แหละแต่ให้สุด ย้ำให้สุด)
3.ให้หายใจออกสุดแล้วกระโดดตามคาบที่ต้องการและหายใจเข้าสุดและกระโดดตามคาบที่ต้องการเช่นกัน
(อย่าโดดไปหายใจไป เดี๋ยวจะเหนื่อยเอา จะหาไม่เตือนนะจ๊ะ)
4.ช่วงแรกๆถ้าทำแล้วตื่นตัวและรู้สึกว่าสมองทำงานมีประสิทธิภาพมากขิ้น
ถือว่า เป็นเรื่องปกติ
ปล.ใครไม่ได้ผลจากกักลมอัสมิตาช่วงแรกๆถือว่า
ทำผิดวิธีการนะครับ เพราะตัวผมเองทำมาแล้วและได้ผลดีด้วยครับ)
5.ทำตอนเช้าดีที่สุด (สามถึงห้ารอบกำลังดี
จะมากกว่าก็แล้วแต่ความสามารถของร่างกายที่จะทำได้)
เพราะจะรู้สึกง่วงน้อยลง
(อย่างผมไปเน้นทั้งปริมาณและความละเอียดขั้นต่ำที่ 30 30 ถึง 60 80 ฉะนั้นถ้ากระผมผมกักลมอัสมิตาเมื่อไรขั้นต่ำคือ
10-15 นาที นะครับ)
6.ทำตอนกลางคืนจะทำให้ออกซิเจนในร่างกายมีมากขิ้นและร่างกายจะต้องการนอนน้อยลงเพราะว่า
การหายใจคือการทำให้การแลกเปลี่ยนแก๊สซึ่งย้ำว่ามีผลต่อสมอง
ดีขิ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
(อย่างผมนอนเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งกว่าๆทุกวันแต่ไม่ง่วงก็เพราะกักลมอัสมิตานี้แหละครับ)
7.ถ้าทำตอนกลางคืนให้ทำอัตราต่ำกว่าตอนเช้าให้มาก
มิฉะนั้นจะนอนยากและเมื่อทำเสร็จให้หายใจเข้าออกสุดในขณะที่จะนอนเพื่อจะให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการนอนปกติ
(ใครทำอัตราสูงๆกลางคืนก็หายใจเข้าออกสุดให้มากตาม มิงั้นนอนไม่หลับนะจ๊ะ)
ใครสงสัยอะไร ถามที่ความคิดเห็นได้เลยครับ
เดี๋ยวตอบทีละคำถามเลยครับ
(ถามซ้ำก็เน้นว่าจะตอบครับเพราะสภาพร่างกายและจิตใจในแต่ละคนไม่เหมือนกัน
คำตอบก็จะย่อมไม่เหมือนกัน
ส่วนใครที่เป็นเพื่อนกับผมหรือใครที่จะแอดผมมาแล้วผมรับเป็นเพื่อน
สามารถส่งข้อความที่แชทผมได้นะครับ ผมพร้อมตอบอยู่แล้วในเรื่องนี้ครับแต่ย้ำว่า
ผมรู้แค่พื้นฐาน เรื่องรายละเอียดลึกๆนั้นถามที่ผมแท็กไปนี้แหละครับ)
หลังจากนี้จะเป็นเนื้อหาจริงๆนะครับ (หลักวิชาการ)
No comments:
Post a Comment