Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Thursday, December 20, 2018

โครงสร้างบทฝึก "กักลมอัสมิตา" สู่กรรมฐานพุทธดั้งเดิมที่ได้ประกาศการค้นพบ




Atthanij Pokkasap


โครงสร้าง...
บทฝึก กักลมอัสมิตา
กักลมอัสมิตา นั้น มีโครงสร้าง ๓ ระดับ


ระดับที่ ๑. เบื้องต้นสุด
เป็นการฝึกใช้ลมหายใจอย่างที่มีประสิทธิภาพที่สุด ของกระบวนการหายใจภายนอก
กระบวนการหายใจภายนอก ได้แก่ การหายใจจากปลายจมูก ไปสิ้นสุดที่ปอด
ปอด ของมนุษย์ มีพื้นที่ เป็น ๑ ตารางวาของเจ้าของปอด
ทุกๆครั้งที่มีการหายใจ ออก/เข้า ๑ รอบ จะมีลมหายใจตกค้างอยู่ในปอด 5/6 ส่วน ถูกปล่อยคายออกมา เพียง 1/6 ส่วน เท่านั้น

ทำอย่างไร จึงจะกระจายลมหายใจที่ตกค้าง 5/6 ส่วนนั้นออกมาให้ได้ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ เท่าที่สรีระร่างกายตามธรรมชาติของมนุษย์คนหนึ่งๆพึงพัฒนาไปถึง
เป็นที่มาของ การกระโดดเขย่าๆ เมื่อ กักและอัดขับภายในแล้ว


ระดับที่ ๒. เป็นเบื้องกลาง มีความละเอียดประณีตในการหายใจเพิ่มมากขึ้น
เป็นการฝึกกระบวนการหายใจ..ภายในเบื้องต้น จาก ปอด สู่หัวใจ
ลมหายใจที่ตกค้างในปอด 5/6 ส่วน ทุกรอบการหายใจ ออก/เข้า ๑ รอบ
หัวใจ ต้องการ ลมหายใจไปสร้างประจุไฟฟ้าอิสระ ๑ หน่วยติดไปกับเซลล์เม็ดเลือด
เป็น ไฟฟ้าเคมีชีวภาพ ๑ หน่วยพิเศษ ที่มีอิทธิพลต่อการควบคุมพลังงานนิวเคลียร์ใน
ธาตุคาร์บอน(C) จำนวน ๑๐๐ หน่วย เพื่อให้เกิดการสังเคราะห์เป็นเนื้อเยื่อของอินทรียสาร
ที่มาของอาการ ๓๒(ทวัตติงสาการ)

การสังเคราะห์อินทรียสารจากธาตุคาร์บอนที่ร่างกายได้มาจากอาหาร จะต้องแม่นยำ ด้วย
อัตรา ไฟฟ้าเคมีชีวภาพจากลมหายใจ/แรงนิวเคลียร์ยึดเหนี่ยวภายในธาตุคาบอน = 1/100 อย่างแม่นยำเที่ยงตรงที่สุด
การอัดเขย่าขณะกักลมในช่วงนี้จะต้องแน่น ประณีต ลึกด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะธรรมชาติของแต่ละสรีระ จึงต้องมีการเรียนรู้ ลมในกองธาตุ หรือธาตุลมภายใน ๖ กองตามการค้นพบในกรรมฐานพุทธ อย่างแม่นยำชัดเจนเสียก่อน


ระดับที่ ๓ เป็นเบื้องสูง มีความละเอียด ประณีต และลึกล้ำที่สุด
เป็นการฝึกบริหารจัดการ กระบวนการหายใจภายใน จากหัวใจ ผ่านเซลล์เม็ดเลือดไปสู่
การทำงานภายในเซลล์ที่สร้างเนื้อเยื่อขึ้นเป็นอาการ ๓๒ ประกอบขึ้นเป็นสรีระร่างกายทั้งหมด ที่มีจำนวนประมาณ ๑๐๐ ล้าน-ล้าน เซลล์ แต่ละเซลล์สื่อสารในระหว่างกันผ่านช่องว่างเรียกว่า ซินแนปส์(synapse)ด้วยคลื่นความถี่ ตั้งแต่ 20 hz ถึง 1000 hz.และมากกว่า
ในระดับนี้ กองธาตุลมภายในทั้ง ๖ จะประสานงานกับ น้ำดี(ปิตตะ) ทั้งแบบเป็นฝักที่อยู่ตอนล่างส่วนกลางของตับ กับแบบที่ไม่เป็นฝักที่เคลือบอาบตลอดสรีระร่าง

โดยเฉพาะน้ำดีแบบที่ไม่เป็นฝักที่กรรมฐานพุทธค้นพบว่าเคลือบอาบตลอดร่างเพื่อทำหน้าที่ส่งเสบียงฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง คือลม(ออกซิเจน)และอาหารพร้อมเกลือแร่..ที่เม็ดเลือดต้องการอย่างต่อเนื่องในการสังเคราะห์ธาตุคาร์บอนเป็นอินทรียสารพื้นฐานของตัวชีวิตที่ทรงประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์ที่สุดตามธรรมชาติ



สรีระที่มีประสิทธิภาพสมบูรณ์ที่สุดตามธรรมชาติของมนุษย์เท่านั้น ที่จะสามารถรองรับปัญญา
สูงสุด ตามที่พระพุทธศาสนาได้ค้นคว้าและพิสูจน์พบแล้ว เรียกว่า "อุตริมนุสธรรม" ได้ หาใช่เรื่องปกติของกิเลสตัณหาทั่วๆไปจะมาค้นพบหรือพิสูจน์ได้ แต่อย่างใดไม่
อัสมิตา เอกะวัคคะปกิณกัง นิฏฐิตัง ฯ






Takeda Kosae    ที่นี่เลย ^^*



Atthanij Pokkasap  การฝึกกักลมอัสมิตา จะฝึกขับเคลื่อนอยู่บนข้อมูลตรงตามที่พระพุทธศาสนาได้ค้นพบและแสดงไว้ดีแล้ว และสอดคล้องตรงกับการค้นพบของ
วิชาเซลล์วิทยาในวิทยาศาสตร์สุขภาพของปัจจุบันด้วย นั่นคือ การฝึกต้องฝึกความละเอียดของความรู้สึกตามลมหายใจ...ที่ตนหายใจออกหายใจเข้า...ตามไปจนถึงลึกที่สุดของลมหายใจนั่นๆว่า...ลมหายใจของตนแท้จริงแล้วไปสิ้นสุด ณ ที่ใดของ อวัยวะภายในส่วนใด เพราะอะไร...ทำไม และอย่างใด ให้จงได้ 

จึงต้องมีการสะสมความรู้ทั้งจาก ที่กรรมฐานพุทธดั้งเดิมได้ประกาศการค้นพบ และที่
วิชา เคมีชีวภาพ กับเซลล์วิทยาในวิทยาศาสตร์สุขภาพปัจจุบันได้ค้นพบแล้ว....เท่านั้น อุปาทาน แลคิดเอาเอง ไม่มีการนำเอามาประกอบการฝึก อย่างเด็ดขาด ครับ



Atthanij Pokkasap  เพราะผลของการเพ่งโดยการสร้าง...ภาพอุปาทาน ขึ้นมานั่น...สำเร็จ
ก็จริง แต่สำเร็จพร้อม..มะเร็งแดก...ตาย ก่อนเวลาอันควร...แทบทั้งนั้น ครับ



No comments: