Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Friday, December 28, 2018

ตับ-ยกนํ (Yakanam) ทำงานร่วมกับ หัวใจ-หทยํ (Hadayam)




ตับ-ยกนํ(Yakanam) ทำงานร่วมกับ หัวใจ-หทยํ(Hadayam)
อย่างใกล้ชิดในแง่สร้างพลวัตแห่งวิญญาณ(จิต)ที่สร้างนามรูป ในส่วนของปัญญา
เป็น 1 ใน 2 ของอาการ 32 ที่เกี่ยวกับปัญญาของมนุษย์
วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระบบภายในร่างกาย
ทุกครั้งที่มีการถอน กลูโคส สารสร้างพลังงานภายในเซลล์ไปจากการไหลเวียนของโลหิต
ตับจะต้องทำหน้าที่เติมเต็ม กลูโคสให้เลือดอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่เซลล์ทั้งร่างกายทำงาน กลัยโคเย่น(Glycogen)
กลัยโคเย่น(Glycogen)
คือสารที่ต้องสลายตัวให้พลังงาน แล้วจะเกิด คาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ(ความชื้น)
ถ้าออกซิเจนจากการหายใจไม่เพียงพอ จะมีสารตัวหนึ่งจากการสลายตัวของกลัยโคเย่นไม่หมด
คือ กรดไพรูวิคจะกลายสภาพเป็น กรดแล็คติค จะถูกนำกลับไปยังตับ
การสลายตัวไม่หมดของ กลัยโคเย่น
เพราะขาดออกซิเจนนี้เองทำให้กรดแล็คติค คั่งอยู่ในตับ เป็นที่มาของการทำงานผิดปกติของตับ
ต้นเหตุความผิดปกติของตับ...มาจากการขาดออกซิเจน ครับ
ที่ถูกต้องเลย...คุณต้องฝึกหายใจเพิ่มออกซิเจนให้เต็มตามความต้องการของตับ ครับ
เป็นการค้นพบของวิชา Biological Chemistry เพื่อ Food Nutrition ของภาควิชาวิชาวิทยาศาสตร์สาขาโภชนศาสตร์ เมื่อ 30-50 ปีมาแล้วครับ

เดี๋ยวนี้คนเราระวังสุขภาพกันมากเกินไป ระวังจนทำให้สมดุลร่างกาย(ระบบเบตาบอริสซึ่มเสียหายหมด)
ทำไมหรือครับ
ผมถามก่อน ทุกคนรู้จักค่ากรด-เบส กันมั้ยครับ
ที่นี้จะบอกให้ว่าในเลือดของคุณก็มีสิทธิเป็นทั้งกรด เป็นกลาง(ระหว่าง 7.3 ถึง 7.5) และเป็นเบส(ด่าง)
การรักษาไต โดยการห้ามรับประทานอาหาร
ที่มีธาตุโปแตสสูง คือการทำลายระบบทำงานของหัวใจ ครับ
เพราะ.....
เกลือแร่จำพวก โซเดียม โปแตสเซียม แคลเซียม และแม็กนีเซียม เป็นธาตุที่เมิ่อเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว
จะให้ประจุบวก คือเป็น เคเธียน(Cation) และเมื่อเผาผลาญแล้วจะให้สภาพด่าง
ส่วนฟอสฟอรัสในลักษณะของเกลือฟอสเฟต และคลอรีน(เกลือคลอไรด์)เป็นธาตุที่ให้ประจุลบ เป็น เอเนียน (Anions) และในการเผาผลาญ จะให้สภาพกรด
เพราะฉะนั้น
ในการเผาผลาญอาหารทุกครั้ง จะเกิดสภาพ เคเธียน และเอเนียน อยู่ตลอดเวลาตามประเภทของอาหารที่บริโภคนั้นๆ
สภาพกรดด่างที่เกิดในกระแสเลือด จะมีดุลยภาพอยู่ที่ pH 7.3-7.5
คือต่ำกว่า 7.3 จะตกอยู่ในภาวะเลือดเป็นกรด(Acidosis)
มากกว่า 7.5 ก็เป็นด่าง(Alkalosis)

อาหารที่ให้สภาพด่างภายในร่างกาย
ได้แก่ ผัก ผลไม้ น้ำนม และถั่วเปลือกแข็งบางชนิด
อาหารที่ให้สภาพกรด
ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ไก่ ไข่ ข้าว เนยแข็ง
สำหรับอาหารพวกไขมัน น้ำตาล แป้ง ไม่มีเกลือแร่ประกอบอยู่ด้วยเลย
จะถูกเผาผลาญ กลายเป็นน้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ และขับออกจากร่างกาย อย่างรวดเร็ว
ซึ่งอาหารประเภทเหล่านี้ มีสภาพเป็นกลางๆ
ผลไม้จำพวก ส้ม มะนาว และอื่นๆทั้งที่มีส่วนประกอบเป็นกรดอินทรีย์ และมีรสเปรี้ยว เป็นกรด...
แต่..จะให้สภาพด่างทันทีที่ถูกเผาผลาญในร่างกาย
การห้ามเกลือแร่โปแตสเซียมที่กลายสภาพเป็นด่างได้อย่างรวดเร็ว
จะมีผลโดยตรงต่อการลดประสิทธิภาพการทำงานของ เลือด และการทำงานของหัวใจ !!!
สรุปว่า:อย่าเคร่งในการกินมากไป(แต่อย่าจุกจิกกินบ่อยนะจ๊ะ)

ปล.ใครจะเรียก Cation ว่า แคทไอออน หรือ Anion ว่า แอนไออน ก็ไม่ผิดนะ แต่ผมเน้นอ่านง่ายไว้ก่อนครับ

ความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์:
เกลือแกง(NaCl) เป็นสารประกอบด้วยธาตุพิษหลัก 2ตัว คือ
โซเดียม(Na) และคลอรีน(Cl)
ทั้งยังมีการมั่วเอา ไอโอดีน ที่ใช้ผสมทำยาฆ่าเชื้อ มาปะปนอีก
ธาตุโซเดียม(Na) ปกติ ลุกไหม้ได้เองในอากาศ
ส่วนคลอรีน เป็นแก๊สพิษ มักใช้เป็นสารทำความสะอาดโรงงาน
แต่เมื่อมารวมตัวกันแล้ว(เป็นพันธะไอออนิก) กลับเป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้เลย เพราะขาดปั๊ปเมื่อไร
ต่อมไทรอยด์(Thyroid) จะทำงานหนักเมื่อนั้น และถ้าทำงานหนัก ต่อมก็มีความจำเป็นต้องขยายพื้นที่ของต่อมเพื่อให้ผลิตฮอร์โมน
คือ (Thyroxine) ให้เพียงพอ (หน้าที่ของต่อมไทรอยด์คือรักษา
สมดุลในร่างกาย โดยเฉพาะ ระบบเบตาบอริสซึ่ม ครับ
ผลกระทบ(ถ้าได้ (NaCl) และ ไอโอดีน (I) น้อยเกินไป) คือ คอพอกเนื่องจากต่อมมีการขยายจนมีขนาดใหญ่กว่าปกติและระบบสมดุลภายในร่างกายอาจทำงานผิดปกติได้
ผลกระทบ(ถ้าได้ NaCl มากเกินไป) คือ ไตต้องทำงานหนักและอาจเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (ถ้าหนักๆ ไตอาจวายได้ครับ)
และ NaCl ไม่ได้พบแค่เกลือนะ ในสาหร่าย อาหารทะเล อาหารที่มีการจัดเก็บได้นาน รวมถึงขนมขบเคี้ยวสารพัดแหละครับ
แต่ I พบแค่ในเกลือทะเล สาหร่าย และอาหารทะเล ไม่ได้พบในเกลือทั่วไปแต่อย่างใด(แต่ก็มีความจำเป็นไม่แพ้ (NaCl) เลยครับ)

กลับเข้าเรื่องเกี่ยวกับวิชาการกันครับ
ที่กระผมพบว่าสอดคล้องกับ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสยืนยันว่า อานาปานสติทำให้กายไม่ลำบาก ตาไม่ลำบาก ซึ่งมีนัยะลึกซึ้งมาก
เมื่อตามศึกษาลึกเข้าไปถึง อาการ 32 เท่าที่ปรากฏมีในคัมภีร์ประกอบหลักฐานและปฏิบัติด้วยตนเอง....
ด้วยข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย(คำสอนพระพุทธศาสนา+วิทยาศาสตร์โภชนาการ) ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องลังเลเลย...
ตอนนี้ จับแค่ไอเย็นที่วาบมาจากแถวๆฝีเย็บลองกึ่งไล่กึ่งพิจารณา กึ่งกำหนดให้เป็นสายแนบสันหลังขึ้นมาผ่านก้านคอ เข้าหลังกระบอกตาออกระหว่างคิ้ว
...อันนี้จะเป็น สูรยะกลา(สูรย์)
ถ้าเตลิดขึ้นกระหม่อม...อันนี้จะเป็นจันทระกลา(จันทร์) อุณหภูมิที่สัมผัสได้ก็ต่างกันด้วย
...สูรย์จะร้อนกายซีกขวา จันทร์จะเย็นกายซีกซ้าย ตามเซลล์ 2 ตัวแรกที่แยกตัวกันออกมา หลัง สเปิร์มพ่อ ผสมไข่แม่เรียบร้อยแล้ว
...เซลล์เพศชายจะเป็นสูรย์จันทร์ ขวาซ้าย ของหญิงจะซ้ายขวา
เมื่อกระแสสูรย์จันทร์เกิดแล้ว...อีก 8 ปราณจะเกิดตามมา...ครับ

ลำดับการรัดก่อนกักลม คือ
1.ขมิบฝีเย็บ คือ กลั้นเยี่ยวกลั้นขี้ให้แน่นก่อน แล้วจึง...
2.อกตั้งตึง ไหล่ผาย พร้อมหายใจออกช้าๆ จนสุด
3.เมื่อสุดแล้ว ช่วงท้องจะรัดแน่นเป็นแนวเองตามธรรมชาติของร่างกาย
หากหายใจให้สุดจริงๆ ช่วงท้องนี้จะรัดแน่นมากเป็นพิเศษ จากนั้นจึ้งกลั้นใจเบ่งให้เต็มที่แล้วจึงกักลม กระโดดเขย่าๆ...
เมื่อทำตามลำดับอย่างนี้...
จะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นสำหรับร่างกายตามปกติ...
มีแต่จะเพิ่มประสิทธิภาพ...ถ้าไม่มีลำดับ ก็จะแกว่ง ไปทั่ว ครับ

วิเคราะห์สัมพันธ์..."ปฏิบัติการกักลมอัสมิตา"
ว่าด้วยความรู้ เรื่อง....
กระบวนการหายใจ
กับ ธาตุลมภายในทั้ง ๖(ลมในกองธาตุ)
จาก อาการโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน !!!
การหายใจในทางชีวศาสตร์กายภาพ(Bio-Physics) ในประสบการณ์ทางจิตของพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. กระบวนการหายใจภายนอก
2. กระบวนการหายใจภายใน
1. กระบวนการหายใจภายนอก
นับจาก ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ผ่านจากปลายจมูก ไปสิ้นสุดที่ปอด(ปัปผาสัง)
กระบวนการภายนอกนี้ ออกซิเจน(O2 หรือแก๊สออกซิเจน )จะถูกแลกเปลี่ยนกับ คาร์บอนไดออกไซด์(CO2 หรือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์) ไปที่ 1/6 ของปริมาณการหายใจออกในแต่ละครั้ง
การหายใจออกจึงสั้นกว่าการหายใจเข้า
การแลกเปลี่ยนนี้เกิดขึ้นภายในปอด
(ปัปผาสัง ; Papphasam)
หมายถึง...จะมี ออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์หลงเหลือตกค้างอยู่ในปอดอีก...5/6 ส่วน

๒. กระบวนการหายใจภายใน
นับจากปอดไปสู่เซลล์ต่างๆ 100 ล้าน ล้านเซลล์ที่ประกอบเป็นเนื้อเยื่ออินทรียสารสร้างสภาวะสัตวบุคคลขึ้นมา
ออกซิเจน(O2)ถูกนำออกจากปอด ไปสู่เนื้อเยื่อต่างๆโดยเม็ดเลือดแดง และในเนื้อเยื่อเหล่านี้
ออกซิเจนจะถูกนำไปใช้ในการสันดาป
(เมตาโบลิสม์ ;Metabolism)
โดยธาตุเผาไหม้จากเกลือแร่ เผาผลาญอาหารกลายเป็นพลังงาน
(แห่งความมีชีวิต;ชีวิตินทรีย์)
เอามาใช้ได้ จากนั้น เลือด
(โลหิตัง ;Lohitam)
ก็จะนำของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสันดาป
ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ละอองน้ำ(ความชื้น)กลับมาสู่ปอดอีกครั้ง
โดยพื้นที่ผิวทำงานของปอดมี 1 ตารางวาของเจ้าของตัวชีวิตนั้นๆเอง..คือ
ประมาณ 36 ตารางฟุต

หัวใจของมนุษย์ เฉลี่ย...
ปั๊มป์เลือดผ่านตัวมันเอง 1.5 ล้านแกลลอน ต่อ 1 ปี
เหตุการณ์ที่เชื่อมต่อ กระบวนการหายใจภายนอก เข้ากับกระบวนการหายใจภายใน
ปฏิบัติการโยคะของพระพุทธศาสนา เรียกว่า "อาการ 42" ประกอบด้วย ...
ธาตุดินภายใน 20
ธาตุน้ำภายใน 12
ธาตุลมภายใน 6
ธาตุไฟภายใน 4

โดยย่อคือ ปรากฏการณ์ที่การแพทย์แผนไทย เรียกว่า "ตรีธาตุ" ซึ่งประกอบด้วย
ลม(วาตะ), น้ำดี(ปิตตะ) และเสมหะ
สรุป..ตรีธาตุ คือเหตุการณ์เชื่อมต่อระหว่างการหายใจภายนอก เข้ากับการหายใจภายใน
โดยเฉพาะ ลมในกองธาตุหรือธาตุลมภายในทั้ง ๖ กับปิตตะ...น้ำดีแบบไม่เป็นฝักที่เป็นกองส่งเสบียงอาหารและเกลือแร่แบบเคลื่อนที่เร็ว(จรยุทธ)ให้แก่เม็ดเลือด
จากอาการที่แสดงถึงการที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน.....
จุดที่เกิดอาการปวด หรือเจ็บร้าว นำหน้าก่อนอาการอื่นๆทั้งหมดได้แก่ กราม คอ ไหล่ แขน ข้อศอก และมือซ้าย...
นั่นหมายถึง ตำแหน่งสำคัญ ของ ปิตตะ..น้ำดีแบบไม่เป็นฝัก ที่ขาดหายไป
จากการหยุดปั๊มป์ของหัวใจกระทันหันทำให้ขาดการส่งอาหารและเกลือแร่เข้าสู่เม็ดเลือดที่กำลังทำงานอยู่
ผู้ฝึกกักลมอัสมิตา พึงฝึก อัดแผ่ลมภายในที่ตกค้างในปอด
(อัสมิตา...ศูนน์กลาง"วาโยธาตุ"..ธาตุลมภายในร่างกาย มีชื่อที่มาจากเหตุการณ์นี้)
ให้เข้าสู่ กราม คอ ไหล่ แขน ข้อศอก และมือซ้าย...ให้ชำนาญครับ

No comments: