Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Friday, December 28, 2018

วิชาการกักลมอัสมิตา




วิชาการกักลมอัสมิตา
มี 2 ขั้นตอน ครับ


ขั้นตอนที่ 1 กักลมอัสมิตา
1.1 ได้แก่ หายใจออก-ออกให้สุด สุดแล้วเกร็งช่วงล่างของร่างกายให้แน่น กลั้นใจไว้ กระโดดเขย่าๆๆๆ..นับ 1 ถึง 10 (ใหม่ๆ)
ชำนาญแล้วค่อยขยายเป็น ถึง 20-30 หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ตนเองเลย

1.2 ได้แก่ ต่อจากข้อ 1.1 หายใจเข้า-เข้าให้สุด สุดแล้วเกร็งช่วงบนลำตัวให้แน่น กลั้นใจไว้ กระโดด เขย่าๆๆๆๆ นับ 1 ถึง 20(ใหม่ๆ)
ชำนาญแล้ว ค่อย ขยาย เป็น 30-50 หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ตนเองเลย
เหตุผล...เพื่อจัดระเบียบลมที่คั่งค้างไม่อยู่ในระเบียบของ ธาตุลม 6 (อุทธัง,อัทโธ,กุจฉิ,โกฏฐา, อังคมังคา,อัสสาปัสสา)
ซึ่งจะมีผลถึงเซลล์ 100 ล้านล้านเซลล์ทั่วร่างกายด้วย จะมีการสันดาปดีขึ้น

ขั้นตอนที่ 1 นี้ ให้ทำ 2-5 ครั้ง ก่อนอาบน้ำ เช้า-ค่ำ พอ...จะเพิ่มรอบพิเศษ ก็ตามใจเมื่อปฏิบัติเห็นผลด้วยตัวเองแล้ว
และจะทำให้ลมหายใจ (อัสสาปัสสา) ยาว ลึก ละเอียดขึ้นตามธรรมชาติของสรีระอย่างแท้จริง(ยาวลึกปกติถ้ากำหนดเองเป็นอุปาทานครับ)

ขั้นตอนที่ 2 หายใจออก-ออกสุด
หายใจเข้า-เข้าสุด ทำตอนก่อนนอนหลับ ทำจนหลับไปเองเพื่อปลูกฝังนิสัย การหายใจยาวประณีตให้ตนเอง  และใช้เวลาอย่างฝึกนั่งสมาธิเบื้องต้นด้วย

เจตนาของการกักลมอัสมิตา...คือการตรึงลมจาก ธาตุลม 6 กอง ได้แก่..
กองที่ 1. อัทโธคมาวาต
..ลมพัดจากศรีษะลงสู่เท้า
....กองลมนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆกับ การหายใจเข้า
กองที่ 2. อุทธังคมาวาต
..ลมพัดจากเท้าขึ้นสู่ศรีษะ
....กองลมนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการหายใจออก
กองที่ 3. กุจฉิสยาวาต
...ลมพัดในท้อง
...กองลมนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับ จังหวะการเปลี่ยนถ่ายลมหายใจเข้ามาเป็นลมหายใจออก
กองที่ 4. โกฏฐาสยาวาต
.. ลมพัดในลำไส้ใหญ่
...กองลมนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับจังหวะเปลี่ยนถ่าย ลมหายใจออกมาเป็นลมหายใจเข้า

กองที่ 5. อังคมังคานุสารีวาต
..ลมพัดในกายทั่วไป
...กองลมนี้เกิดพร้อมๆ กองลมสี่กองข้างต้น
กองที่ 6. อัสสาสะปัสสาสวาต
..ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
...กองลมนี้เกิดจากจิตที่ช่องหัวใจ(หทยัง คูหา)พิกัดที่ป้อนประจุไฟฟ้าให้เซลล์เม็ดเลือดซึ่งมีสี่สถานี
ควบคุมจังหวะการสูบฉีดที่สัมพันธ์กับสารรักษาระดับความดันจากตับ และถุงน้ำดี

การตรึงธาตุลม 6 กอง โดยตั้งศูนย์กลางไว้ที่พิกัด สันหลังระดับอกซึ่งเป็นศูนย์กลางของธาตุลมภายใน(อันโตวาโยธาตุ)ทั้งหมดของสรีระ
...ก็เพื่อการปรากฏของ ดอกบัวอนาหตะที่เป็นภาพนิมิตของธาตุลมภายในเอง ไม่ใช่จินตภาพที่เราสร้าง
...แต่เมื่อลมถูกรวมศูนย์กลางไว้จากการปฏิบัติที่ถูกต้องสะสมอย่างต่อเนื่อง
ดอกบัวอนาหตะจะปรากฏเป็นนิมิตศูนย์กลางของธาตุลมภายในของสรีระทั้งหมดโดยธรรมชาติเองครับ
การปฏิบัติให้ถูกต้องจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
สีฟ้า แสดงถึงสุขภาพที่สมบูรณ์ที่ก่อเกื้อหนุนระหว่างสรีระกับธาตุลมภายใน และ ธาตุลม คือตัวห่อหุ้มอุ้มธาตุน้ำ(สวาธิษฐาน..ระดับปลายองค์กำเนิด)
...ธาตุน้ำห่อหุ้มอุ้มธาตุดิน(มูลาธาร..กุณฑลินี)

โฆษณาส่งท้ายอีกนิด... (เป็นวิทยาศาสตร์ครับ)
การฝึกนี้คือการพยายามให้ลมที่ตกค้างและไปไม่ถึงระบบ
ภายใน(Metabolism) ไปให้ถึงระบบภายในนั้น
หลายคนงงว่าระบบภายในร่างกายคืออะไรกันแน่
Metabolism คือระบบภายในร่างกาย (ระบบหายใจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของระบบภายในเท่านั้น)
ถ้าระบบภายในทำงานปกติดี ระบบของร่างกายก็จะสมดุลซึ่งจะมีผลต่อระบบหลักๆดังนี้

1.ระบบหายใจ (มีผลอย่างมากเลยแหละ)

2.ระบบสมดุลในร่างกาย(เกี่ยวกับพวกน้ำ แร่ธาตุในร่างกาย)

3.ระบบประสาทและสมอง (จะมีผลเป็นที่แรกๆเลย ผลคือ สมองคุณจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ถ้าไม่จริง
เวลาคุณอยู่ตรงชายหาดทะเลและลองหายใจช้าๆดูนะ คุณจะได้อะไรๆเยอะ ทั้งแรงบันดาลใจ วิธีแก้ปัญหา
แต่ทั้งหมดทั้งมวล การกักลมอัสมิตาก็คล้ายๆแบบนั้น แต่จะคูณไปหลายเท่าตัว
...โดยให้ไปให้ถึงโดยการเขย่าๆ(แบบระบบคอนกรีตอัดแรง)
เซลล์จะตื่นตัวพยายามทำงานโดยดึงออกซิเจนจากลมที่ตกค้างไปใช้...
ทำให้การหายใจภายในหมดจด ลดอาการปวดเมื่อยและอาการอ่อนแอขั้นพื้นฐานของเซลล์...และ
ที่สุดจะเข้าถึง สถานภาพของ "อาภัสสรพรหม" ที่เป็นปฐมกำเนิดตัวชีวิตมนุษย์ตาม
พรพุทธวจนะใน "อัคคัญญสูตร"

เมื่อคุ้นเคยเท็คนิคนี้มากๆ...เราสามารถกระตุ้นให้เซลล์ สร้าง "ถุงลมนิรภัย" (Air Bag) ป้องกันภัยใหญ่ๆ ร้ายแรงได้...
จากการคำนวณว่า 500 เซลล์ คือ จุด(.)หรือ (Dot)
ถ้าเราทำได้ ขนาด 1 ล้านเซลล์ หรือ ถึง 10 ล้านเซลล์ ตำนานคงกะพัน แคล้วคลาด เราก็ทำได้โดยวิธีการนี้เช่นกัน (อ.อัตถนิชย์ โภคทรัพย์ ผู้ค้นพบวิชา ก็เคยทำได้มาแล้วในอุบัติเหตุใหญ่ๆหลายครั้งของชีวิต)

การกักลม พื้นฐานก็คือการฝึกให้คุ้นเคยกับ "เชือกกลึง ของเครื่องกลึง"
ที่พระพุทธเจ้าตรัสอุปมาไว้ในมหาสติปัฏฐาน 4 ว่าเสมือนลมหายใจ ที่นายช่างกลึงผู้ชำนาญชักเพื่อกลึง....ฯลฯ
คือเข้าถึงความลึก ความประณีตโดยธรรมชาติของสรีระของร่างกายเราเอง...
ไม่ใช่มาสมมติมโนกำหนดเอาเองจากการที่ไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับระบบหายใจตามธรรมชาติที่แท้จริงของสรีระ...ครับ !!!
(ลมขาก..เสลด..ลมไอในลำคอ เคยรู้อานุภาพเขาไหมว่า มีความเร็วลมตั้งแต่ 150 กม./ชม. ถึง 300 กม./ชม.....ซึ่งแรงเท่ากับระดับ ๕ ของพ่ยุทอร์นาโด หรือไต้ฝุ่น???!!!!)
ไม่จริงเวลาคุณไอ ลองเอาทิชชู่ชิ้นเดิมปิดไว้หลายๆครั้งสิครับ จะรู้เลยว่า กระดาษชิ้นนั้นแทบจะขาดเป็นรูๆด้วยซ้ำ

การฝึก กักลมอัสมิตา...ก็เพราะยอมรับว่า
1. ธาตุลม คือต้นทางพลวัตที่สังเคราะห์ธาตุน้ำ ธาตุน้ำ
คือต้นทางสังเคราะห์ธาตุดิน ตามประสบการณ์ค้นพบของพระพุทธเจ้า จาก ภูมิจาละสูตร จาก ธัมมิกสูตร ฯลฯ
2. ลมหายใจลึก ลมหายใจยาว ลมหายใจประณีต...
กำหนดเอาเองไม่ได้..ต้องเข้าถึง ที่สุดของธรรมชาติแห่งสรีระของเราเองเสียก่อน
เทคนิคการเข้าถึงก็คือการกักลมสมิตา
...อัดอกเพื่อให้ลมแผ่ไปถึงที่สุดแห่งสรีระตามเป็นจริง ตามการอุปมาที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงเชือกกลึง ของเครื่องกลึงในมหาสติปัฏฐานสูตร

การกักลมอัสมิตา...จุดประสงค์คือ
1. กระตุ้นผูกความรู้สึกระหว่างการหายใจออก-หายใจเข้ากับ มโนธาตุ/มโนวิญญาณธาตุ

2. ชำระ อากาศที่ตกค้าง 5/6 ให้เซลล์นำไปใช้ให้หมด (ปกติแล้วเราใช้อากาศจริงๆแค่หนึ่งส่วนจากหกส่วน ช่วงแรกๆกระผมเองก็ตกใจครับ)

3. จัดระเบียบ ลมในกองธาตุ ให้มีประสิทธิภาพส่งเสริมการทำงานของ อาการ 32
(ก็ที่ชอบเรียกๆกันว่ามนุษย์ครบ 32 ประการถือว่า เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจไง) ให้มีประสิทธิภาพร่วมกันสูงสุด

คัมภีร์ปถมังวรรคที่ 9 ที่แต่งเพิ่มในปลายกรุงศรีอยุธยาจะอยู่ในช่วงยุคสมัย สมเด็จพระบรมโกศ(พ.ศ.2275-2301)
ที่สยามต้องไปต่อศาสนาพุทธให้ศรีลังกานั่นแหละ ได้ซ่อนวิชาชั้นสูงสุดของ เมฆฉายสูรย์จันทร์เอาไว้
ถ้าไม่มี "กักลมอัสมิตา" เข้ามาเชื่อมต่อ...ใครก็ไม่มีทางเข้าถึงเจตนาของครูอาจาริยะ และพระพุทธศาสนา....ดั้งเดิม
เพราะ เดือนตะวันเบิกเมฆ คือ อาคมชั้นสูงสุดในไสยศาสตร์ไทยที่อาศัย จิตขณะกักลมอัสมิตา เป็นตัวกำหนดคาบอันศักดิ์สิทธิ์...
ของบทอิติปิโส หรือพุทธคุณที่มีอยู่ใน ยันต์และเครื่องราง ทั้งหมด
ครับ...คุณสมบัติสูงสุด ที่ซ่อนร่องรอยต้นกำเนิดดึกดำบรรพ์ไว้ใน
วิญญาณ>นามรูป,
นามรูป>วิญญาณ
คือ ที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่า "อาภัสสระพรหม" มิวเตชั่นลงมาเป็นมนุษย์ ในอัคคัญญสูตร...
ที่ผู้รู้ทั้งหลายเชื่อมต่อไม่ได้ ถึงขั้นปฏิเสธ ว่าไม่ใช่พระพุทธวจนะ คือเรื่องนี้เอง !!!

แต่พระพุทธศาสนาดั้งเดิมกลับอาศัยร่องรอยกำเนิดดึกดำบรรพ์นี้ ไปสู่ขั้นที่ละเอียดอ่อนยิ่งๆกว่า คือ ...
ดับอาภัสสรพรหม = วิเวกสุขสมาบัติ
ดับสุภกิณหพรหม= สมาธิสุขสมาบัติ
ดับเวหัปผลพรหม= สัมโพธิสุข
ขยายผล สัมโพธิสุข สู่อรูปพรหม...คือ

อากาสานัญจายตนะ(ความว่าง-เทสะ) คือ
อวกาศ (เวลาที่ไร้ขีดจำกัด) >วิญญาณัญจายตนะ(กาละ หรือเวลา)> อากิญญจัญญายตนะ
(พ้นไปจาก อะไรอะไร)> เนวสัญญานาสัญญายตนะ
แล้วใช้เทคนิคแบบเดียว สมาบัติในรูปพรหม ดับ เกิดเป็น สสังขารนิพพาน คือ
สัญญาเวทยิตนิโรธ...
สมาบัตินิพพาน ที่ทรงอานุภาพ สูงสุดของ ทักขิไณยบุคคล ขึ้นและ
...เป็นหน้าที่สูงสุดที่พระพุทธศาสนาให้กลับมาคลี่คลายชีวิตที่เหลื่อมล้ำในสังคมมหภาค แบบฉับพลัน เป็นที่สุด ครับ....
ไม่ได้ง่าย ลื่นไหลอย่างที่เข้าใจและเรียนรู้กันทั่วไป
แบบไม่เอาเรื่องร่างกายเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างผิดหลักอิทัปปัจจยตา ผิดหลักปฏิจจสมุปปาท ที่นิยมกันทั่วในปัจจุบัน แต่อย่างใด ครับ!!!

"ท่านั่งรวมจิตทำสมาธิ"
ท่านเรียกว่า "นั่งคู้บัลลังก์" ตั้งกายตรง
คู้บัลลังก์ ก็คือนั่งขัดสมาธิ(นั่งขัดสะหมาด)
แบบราบ ก็..พับขาขวาทับพับขาซ้าย
เหมาะสำหรับ การฝึกหายใจแบบกระจายกองธาตุลมทั้ง ๖ ให้ซ่านไปทุกอณูขุมขน เหมือน ไทรใหญ่ แผ่ก้านกิ่งใบขยายร่ม

นั่งแบบขัดสมาธิเพชร
คือไขว้ขาทั้งสองให้เท้าขัดกันขึ้นมาวางบนตัก เป็นแบบสิงห์(ดูพระพุทธรูปปางเชียงแสน)
แบบนี้ต้องการควบคุมกองลมให้เป็นเอเทศสลายเป็นสูรย์จันทร์ แล้วสลายเป็นสุญญตาในที่สุด
ใหม่ๆ ก็เลือกท่าขัดสมาธิราบ แล้วฝึกดูตามจุดประสงค์ของท่า แล้วก็ฝึก ขัดสมาธิเพชรสลับไปด้วยให้คุ้นเคยทั้งสองท่านั้นล่ะครับ...
สังเกตตัวเองไปว่าพื้นนิสัยเหมาะสมกับท่านั่งหลักแบบไหน เมื่อเข้าสมาธิได้คล่องแล้วท่านั่งพื้นฐานทั้งสองท่า ก็ไม่ต้องเคร่งครัด ครับ

No comments: