วิธีการแบบนั้นจะให้เรียกว่าอะไร
การดูจิตนั้นอาจจะเป็นการใช้คำที่ผิดพลาดสักหน่อยของผู้ที่เรียกขานกันแบบนั้น
ถ้าให้ผม
มองตามรูปการแล้วก็น่าจะพออนุโลมเรียกได้ว่า ดูสภาวะอารมณ์ที่มากระทบจิต น่าจะ
เหมาะกว่านะครับ
แต่ปัญหาก็ยังมีว่า แล้ววิธีนี้เป็นวิธีที่จะพาให้พ้นทุกข์ถึงพระนิพพานได้จริงอย่างที่หลายคน
มุ่งหวังหรือไม่
ตามนัยแห่งพระสูตรแล้วกล่าวว่า วิธีนี้เป็นหนึ่งในหมวดทั้งสี่ของมหาสติปัฏฐานสูตรอันว่า
ด้วยหมวดจิต ซึ่งมหาสติปัฏฐานนั้นแบ่งเป็น หมวดกาย เวทนา
จิต และธรรม
ในการปฏิบัตินั้นส่วนใหญ่ก็เริ่มกันที่หมวดกายอย่างพวกใช้อานาปานสติ ก็ได้ชื่อว่าเจริญ
มหาสติปัฏฐานในหมวดกายแล้ว. ซึ่งจากอดีตทีผ่านมาก็ยังไม่เห็นใครที่จะเริ่มเจริญภาวนา
ด้วยหมวดของจิต ทำไมล่ะ ก็เพราะกำลังจิตไม่เพียงพอที่จะไปพิจารณาดูจิตหรือสำรวจจิต
ว่าขณะนัน
จิตมีราคะโทสะหรือไม่หรือจิตปราศจากราคะโทสะ หรือจิตเป็นจิตที่ใหญ่
เป็นมหรคจิตที่ควรแก่งานหรือไม่ ส่วนใหญ่จึงเริ่มที่หมวดกายฝึกหมวดกายจนชำนาญพอ
ได้ฌานเป็นบาทฐานจึงพิจาณาธรรมหมวดอื่นได้ ก็จะได้ผลเร็วและดีกว่าพวกที่ขาดกำลัง
มาพิจารณา การที่เราขาดจิตที่เข้มแข็งทรงพลังแล้วเอาสติไปดูสภาวะอารมณ์มันจะเกิด
ประโยชน์อะไร
สาวกนักดูจิตทั้งหลายหนอ...จงไตรตรองวัตรปฏิปทาของท่านดูเอาเถิด ว่าหนทางนี้เป็น
หนทางตรงสู่บรมสุขหรือไม่
Atthanij Pokkasap
สามารถใช้เป็นบทนำ หรืออารัมภบท ก่อนเสนอ
"ปฏิบัติการโยคะ จาก พระโอษฐ์" ที่เปิดปริศนาการฝึกจิตในพระพุทธศาสนาที่ทันสมัยที่สุด
ได้เลยครับ
No comments:
Post a Comment