สติ
ในคำสอนพระพุทธศาสนา
คิด เอาเอง...ไม่ได้
เพราะ เป็นความชัดเจนอาจหาญของความรู้สึก
ที่ต้อง ฝึกสะสมต่อเนื่อง
ครับ !!!
คือ การแยกแยะได้ว่า
อะไร "ควร".. ที่เป็นประโยชน์ ทั้งประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน
แล้วตามคุ้มครองรักษา "ควร"นั้น ไว้ให้ต่อเนื่อง
หากตอบแทนความชั่วด้วยความดี
ก็แล้วจะตอบแทนความดี ด้วยอะไร?
อย่าเอาความใจดี ไปยื่นให้ คนชั่วที่ไร้จิตสำนึก
สติ มีไว้แยกแยะ
ดี-ชั่ว(อปิลาปนลักขณาสติ)
และ สติ
ก็มีไว้ปกป้องความดี(อุปคัณหนลักขณาสติ)
ไม่แยกแยะ ดี-ชั่ว
ก็คือไร้สติ ไม่ปกป้องความดี
ก็ยิ่งไร้สติ
นักปราชญ์พุทธ ท่านเรียก
ผู้ไร้สติ ทั้ง ๒ ลักษณะ
แล้วได้ขึ้นมาเป็นผู้ปกครองบ้านปกครองเมือง
บริหารจัดการสังคมบ้านเมืองมนุษย์
โดยเปลี่ยนความมั่งคั่งไพบูลย์ ให้เป็นป่าร้าง และดงหนามรกชัฎ
แต่มีบุญเก่า
อยู่วิมานใหญ่โต บริวารสอพลอล้อมหน้าล้อมหลัง
นี้ว่า
"ท้าวเวปจิต
อสูร" แปลว่า
ผู้ไม่กล้า(อสูร) ที่มีจิตวิปลาส(เวปจิต)
ครับ
Atthanij Pokkasap ผู้ครองบ้านครองเมืองที่แยกยะดีชั่วไม่ออก...และไม่คุ้มครองดีด้วยกฎหมายตามธรรม...บั้นปลาย
มีนรกเป็นสัมปรายภพ แน่นอนไปแล้ว แต่จะชดใช้ความเมาอำนาจผิดๆขณะมีชีวิตอยู่อย่างไรนั้น...ทักขิไณยบุคคลถ้ามีอยู่จริง...
กรรมที่ต้องชดใช้จะได้เห็นกันในตอนมีชีวิตนี้เอง
ฐิติยาพร
พรวิริยางกูร รูปนี้สำหรับ.....เปรต....จำชื่อไม่ได้แล้ว...เวมนิกา...มหิทธิ.....ผู้มาเสวยบุญ....แต่ไม่มีสัมมาทิฐิ..ไม่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองโดยธรรมค่ะ
Yutthana Sirisilp น่าสงสารประชาชนที่มีผู้นำ...ที่ขาดสติ...
ฐิติยาพร
พรวิริยางกูร
รูปนี้ก็สำหรับ....กลุ่มผู้ไม่มีธรรมที่มาปกครองบ้านเมืองค่ะ
รูปนี้...แค่...ทักขิเณยยะบุคคลค่ะ
(เป็นกองเชียร์ให้ค่ะ)
Bom Papoom Sonklin สาธุ
Yutthana Sirisilp สติใช้เตือน....สติใช้เลือกข้าง....กว่าจะเป็นสติที่สมบูรณ์คงจะฝึกกันนาน
Panu Wongpanuvut สอนมักง่าย อย่าหวังตายดี
No comments:
Post a Comment