Atthanij Pokkasap
ครูครับ เมื่อไหร่ครูจะเขียนมหาเวทย์หมอไทยบ้างละครับ
ใช้กับกองลม ๖ ลงกำกับยา เลยครับ น่าสนใจอนุรักษ์นะครับ
เฉลิม แสน ฝากไว้ให้สะเทือนแผ่นดินครับ
Atthanij Pokkasap ไม่ได้...มีหน้าที่ตรงนี้
ครับ
คนเก่งเค้าเยอะละ...
Savittri Siriwoot ม่ายจริง...เก่งจริงม่ายยอมเขียน
บุ๊ง ฟิสิกส์ ติดตามนะครับ เดียวจะไปซื้อ มหาเวทย์มวยไทย
Yutthana Sirisilp สนับสนุนอีกเสียง
ณัทพล ดำเนินงามสกุล มายกมือด้วย!!
Atthanij Pokkasap เชื่อเข้าไปได้ไง...เชื่อเอาเองทั้งนั้นนะ...ผมไม่ถึงขนาดนั้นจริงๆ..
ปณิตา ถนอมวงษ์
ก็อ.นิดสอนให้กล้ทำกล้าคิด มีสันโดษยังจำใส่ใจเลยค่ะ
ก็เลยช่วยเชียร์อีกแรง รอความเมตตานี้อยู่เพราะติดอยู่ที่เรื่องนี้ค่ะ
เอาเหอะน่าทำบุญกับศิษย์อายุเหลือน้อยๆกันทั้งนั้น
Nunthawan Jaikla
ใช่ค่ะอาจารย์ขอความเมตตาด้วยค่ะ
Atthanij Pokkasap ความจริงบอกรายละเอียดหมดแล้ว..
แต่ไม่ปรุงให้สำเร็จรูปแบบ
อาหารกระป๋อง ...ทำอย่างนั้นก็เป็นความรู้ที่ไม่สิ้นสุด
หากแต่จะเป็นผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาด ลำดับให้ดูใหม่....
กองธาตุลม ๖ กอง ถูกคุมระบียบโดยลมหายใจออกลมหายใจเข้าที่
ช้า-เบา-ยาวลึก-สุด
นำความรู้สึกประณีตเข้าถึงสมุฎฐานคือหัวใจ...เป็นอาการทางกายภาพของการได้สมาธิ(อันนี้ไม่เคยบอก
แต่แนะให้ทำ)ของจิต
จิตที่ได้สมาธิคือจิตที่มีกำลัง
จิตที่มีกำลังปฏิโลมกลับผ่านกองลมทั้ง ๖
ขับน้ำดีที่ไม่เป็นฝักและเข้าสังเคราะห์ สมุนไพร หรืออาหาร...ก็กลายเป็นยา..หรือสังเคราะห์เหนี่ยวนำกองลมอื่นๆทีอ่อนแอกว่า...ก็เรียกว่า
การรักษา..การบำบัด
การถ่ายทอด การกักลมอัสมิตา เฉพาะช่วง "กลั้น-กัก-อัด"
ก็คือการ ฝึกจำลองจิตที่เป็นสมาธิ ขั้น
จตุตถฌาน(ฌานที่๔...ลักณะทางกายภาพของฌานขั้นที่ ๔ คือ หยุดหายใจอย่างมีพลังชีวิตสูงสุด
ที่ท่านว่า "กายสังขารสงบรำงับ") เท่านี้เอง
ตอนนั้น ถ้าอธิบายอย่างเป็นวิชาการ
ทุกตนจะงุนงงและติดในเนื้อหาที่เป็นศัพท์เท็คนิค...ซึ่งจะทำให้สับสนเห็นว่าการปฏิบัติสมาธิเป็นของยากมาก
..ก็จะไม่ลงมือปฏิบัติกัน....
เรื่องทั้งหมดมีอยู่เท่านี้ เอง
Atthanij Pokkasap และการให้สิ่งซึ่งเรียกว่า
"ยา" นั้นต้องเข้าใจกฎแห่งอาหารที่พระพุทธเจ้าค้นพบ เป็นสำคัญ ..คือ
มีถึง ๔ ระดับ จากหยาบไปหาละเอียดสุด
อาหารชั้นที่ ๑ หยาบสุด เรียกว่า
"กวฬิงการาหาร...คืออาหารคำข้าวที่ต้องกินผ่านปาก
อาหารชั้นที่ ๒ เรียกว่า "เวทนาหาร" อาหารคือความรู้สึก
อาหารชั้นที่ ๓ เรียกว่า
"มโนสัญเจตนาหาร"...อาหารคืออารมณ์ปรุงแต่งทำให้เห็น ทำให้รู้ว่า
"จิต" มีอยู่จริง
อาหารชั้นที่ ๔ ละเอียดประณีตลึกสุด เรียกว่า "วิญญาณาหาร"...อาหารคือวิญญาณ
หรือ
อาหารของวิญญาณ..อาการที่ทำให้จิตเป็นอยู่ได้ คือนามรูป
นามรูปอันนี้ ก็คือที่ปรากฏใน..
พระพุทธนิยาม เรื่อง "จิต" ในอัสสุตวตาสูตร หมายถึง
ออกซิเจน-เกลือแร่-สารอาหาร ที่จิตอาศัย หัวใจ-ปอด-ตับ-ม้าม-ไต สังเคราะห์เซลล์
สร้างเนื้อเยื่ออินทรียสารเกิดอาการ ๓๒ ขึ้นมา แล้วอาการ ๓๒ ผูก มหาภูตรูป ๔
เกิดเป็น อุปาทายรูป ขึ้นนั่นเอง
Atthanij Pokkasap หมายถึง ยา
ก็เหมือนอาหาร ต้องมี ถึง ๔ ระดับ นับจากยา...ที่ต้องกินผ่านปาก..ผ่านความรู้สึก..ผ่านอารมณ์ที่ปรุงแต่ง...
สุดท้าย คือ ผ่านกระบวนการสังเคราะห์เซลล์ฟื้นฟูนามรูป !!!
บุ๊ง ฟิสิกส์ หมอแผนไทย ถ้าไม่กลับ เรียนจิต
ก็จะไม่ต่างหมอแผนปัจจุบัน ใช้ยาข่มเหงโรค ขาดบุญในการรักษา ขอบพระคุณครับ
Sitthana Boonlom
ขอบคุณครับ
ส่วนล่างของฟอร์ม
No comments:
Post a Comment