แบบ พุทธตันตระ-วัชรยาน
ครับ :-
"เมื่อนามรูปมีอยู่ วิญญาณจึงมี
วิญญาณมีเพราะนามรูปเป็นปัจจัย"
และ...
"วิญญาณนี้ย่อมกลับเวียนมาแต่นามรูป
หาใช่อย่างอื่นไม่ โดยความเป็นไปเพียงเท่านี้
สัตว์โลกพึงเกิดบ้าง พึงแก่บ้าง พึงตายบ้าง
พึงจุติบ้าง พึงอุบัติบ้าง ความเป็นไปนั้นคือ:-
วิญญาณมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย.....(๑)
นามรูปมี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย.....(๒)
จาก ข้อ(๓๙)มหาปทานสูตร มหาวรรค
ทีฆนิกาย พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่ม ๑๐/๔๕
คือที่โพสต์ก่อนๆหน้าเรียกว่า...
"จิต"... ที่เกิดจากการสังเคราะห์ของกาย
(กลุ่มคลื่นพลังงาน ที่มาจากคลื่นสั่นสะเทือนของระบบอายตนประสาท)
คือที่โพสต์ก่อนๆหน้า เรียกว่า...
"จิต"...ที่สังเคราะห์กาย คือสังเคราะห์อินทรียสาร สร้าง "อินทรีย์"ประกอบกายเนื้อที่ตั้งของ
ได้แก่ หัวใจ(หทยัง)-ดี(ปิตตะ)-ตับ(ยกนัง)
เพราะพระพุทธศาสนาค้นพบรูปร่างทางกายภาพของอวัยวะทั้งสามสัมพันธ์กับ
(รายละเอียดมีอธิบายอยู่ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค)
จึงมีสูตรเกิด ๒ สูตร ได้แก่ :-
สูตร ๑.
คือ อำนาจที่มาจากแรงขับเคลื่อนน้ำดี
จาก แรงสั่นสะเทือนของระบบอายตนประสาท
ไปสังเคราะห์ "อินทรียสารสร้างหัวใจ"
คืออำนาจที่มาจากแรงขับเคลื่อนน้ำดี
จากคลื่นความถี่ของหัวใจ ไปสังเคราะห์...
"อินทรียสารสร้างเนื้อเยื่อรองรับอายตนประสาททั้งระบบ"
มีอานุภาพสูงสุด เท่ากับ แรงนิวเคลียร์
ชนิดเข้ม ๑๐,๐๐๐ ล้าน-ล้าน หน่วย
พิสูจน์พบได้ใน ฌาน ขั้นที่ ๔(จตุตถฌาน)
ของสัมมาสมาธิ
พระพุทธศาสนาเรียกคลื่นแสงสว่างจากแรงนิวเคลียร์
ค่าสูงสุด ในห้องปฏิบัติการโยคะฝ่ายพุทธนี้
ยกไว้.....
อำนาจไสยศาสตร์ สูตร ๒.
แรงกว่า อำนาจไสยศาสตร์ สูตร ๑.
อย่างเปรียบกันมิได้
โบราณ เรียกว่า :-
โยคี, นักสิทธิ์, ฤๅษี, ดาบส, วิทยาธร,..ฯลฯ
อย่างชำนาญ(วสี ๕) เรียกว่า
"ฌานวิสัย"...
เป็น หมายเลข ๒ แห่ง อจินไตย ๔
รองจาก "พุทธวิสัย"....
ซึ่งปุถุชนผู้ละเมิด
จะต้องวิบัติฉิบหายวายวอด
ไปทุกภพ ทุกชาติ
ครับ !!!!!
No comments:
Post a Comment