"อายตนะนิพพาน"
คือแดนนิพพาน...สวนทางคำสอนของพระพุทธเจ้า...ทั้งบิดเบือนกล่าวร้ายว่า พระพุทธเจ้า ค้นพบมาไม่สูงส่งจริง เท่าที่พวกมันค้นพบ !!!
(อุทาน ปาฏลิคามิยวรรคที่ ๘ )
อายตนะนั้นมีอยู่
ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ
เนวสัญญานาสัญญายตนะ
โลกนี้ โลกหน้า
พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง
ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น ....ฯลฯ
...อายตนะนั้น หาที่ตั้งไม่ได้
มิได้เป็นไปตามอารมณ์มิได้
นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์"
ด้วยระบบ อายตนประสาทรับรู้ที่จำกัดและสับสน... มนุษย์ ไม่สามารถเข้าถึง การเคลื่อนไหว "สัมบูรณ์" ของระบบที่กำลังเคลื่อนไหวได้
มันอ่านภาษาไทยสำนวนพุทธ ไม่รู้เรื่อง
มันเลยเรียกเป็น "อายตนนิพพาน" ไปเสียเลย
คือ ตอนที่ฝึก การตามประกอบการตื่นให้มาก(ชาคริยานุโยค)...เป็นการฝึกปลดปล่อยจิตให้เป็นอิสระไปจากข้อมูลของระบบอายตนประสาทที่มีหน่วยประเมินผลอยู่บริเวณสมองส่วนล่างหลังกระบอกตา ซึ่งทำงานไม่มีพักตลอดชีวิต ร่วมกับหัวใจ...
มีแต่ต้องเพิ่ม..สติเสริมเข้าไปให้แก่หัวใจที่เข้มแข็งเท่านั้น...เป็นที่มาของเทคนิคต่างๆที่ซ่อนอยู่ใน "อานาปานสติกรรมฐาน" ในขั้น...
"ชาคริยานุโยค"...
ครับ
"ผู้เห็น"ที่เกิดขึ้นในขณะที่อวัยวะทั้งสองทำงาน คือ "ภวังคจิต"
"สิ่งที่ถูกเห็น" คือ "ความฝัน"
"ผู้เห็น" คือ สติ (ที่ต้องฝึกปลูกฝังลงไปในภวังคจิต)
"สิ่งที่ถูกเห็น" คือ "นิมิต"
เป็นที่มาของปฏิบัติการ...ก้าวข้ามข้อมูลประสบการณ์ของอายตนประสาททั้งระบบ
การฝึกจิตให้ขาวสว่างรอบ..."สจิตฺตปริโยทปนํ(Sacittapariyodapanam)"
ของพระพุทธศาสนา
No comments:
Post a Comment