( เรื่องเทวดาตรงนี้แหละที่ทำให้ชัดเจนว่า....ไอ้พวกที่คุยว่ามันรู้จักศาสนาพุทธ...ส่วนใหญ่ ก็...ไอ้พวกตอแหลทั้งนั้น ไงครับ !!!)
เป็นการประสบ ปรากฏการณ์ในโลกของคลื่นพลังงาน มากกว่า จะเป็นปรากฏการณ์ในโลกของอนุภาค
คลื่นพลังงาน ความถี่ต่างๆที่ซ้อนถักเป็นปรากฏการณ์ของแสงสว่าง พระพุทธศาสนาเรียกว่า.....
"ทิวะ (Diva)"
แปลไทยว่า ความสว่าง, กลางวัน แผลงเป็น ทิพะ หรือ ทิพ, ทิพยะ
ในการประสบ ปรากฏการณ์สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับแสงสว่างที่ ซ่อน-ซ้อน อยู่ในแสงสว่าง เหมือนคลื่นแสงสว่างสีต่างๆที่ซ้อนถักกันเป็นแสงสว่างสีเดียว แล้วเรียกว่า "สเปคตรัม"
อธิบายประสบการณ์การค้นพบแถบคลื่นชีวิตที่ละเอียดเกินประสิทธิภาพของจักษุประสาทสามัญ...
เทวดา(Devata) จึงเป็นศัพท์เทคนิคที่ถูกสร้างขึ้น จาก แสงสว่าง "ทิพะ"...
และเรียกเต็มคำในกาลต่อมาว่า...
"ทิพยกาย" ด้วย
"อาโลกะ(Aloka)" ได้แก่...
อาโลกกสิณ(Alokakasin)...เป็นเท็คนิคหนึ่งในกสิณ ๑๐ หรือ "กสิณายตนะ ๑๐(Kasinayatana 10)"...แปลว่า อายตนะคือกสิณ, อายตนะแห่งกสิณ
อาโลกกสิณ...แปลเป็นไทยว่า กสิณแสงสว่าง
ใช้ในเท็คนิควิวัฒน์จิตขึ้นเป็นปัญญาชั้นสูง
จัดเป็น อายตนะ ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า อายตนะปกติสามัญทั่วไป(Para- normalsense)
พระพุทธศาสนายังมีการฝึกอบรมอายตนะพิเศษที่ใช้ในการประจักษ์ แถบคลื่นชนิดต่างๆของปรากฏการณ์แสงสว่างอีกหลายหลักสูตร
ได้แก่.....
อภิภายตนะ ๘ (Abhibhayatana 8)
วิมุตตายตนะ ๕ (Vimuttayatana 5)
ในเท็คนิคการเปลี่ยนแสงสว่างให้เป็นปัญญาการค้นพบ พระพุทธศาสนา จะใช้การกำหนดแถบคลื่น แสง ๒ วิธีการ ได้แก่...
๑. อาโลกสัญญา(Alokasanna)
...ความจำได้ของจิตว่าด้วยแสงสว่าง
๒. อธิษฐานทิวาสัญญา(AdhitthanaDivasanna)
....ความจำได้ของจิตด้วยการอธิษฐานถึงความสว่าง
ของพระพุทธศาสนา...จึงไม่ได้อาศัยอายตนประสาทในระบบสามัญทั่วไป หากแต่เป็น
คือ คำสอนที่ประมวลมาเป็น...
"การฝึกจิตให้ขาวสว่างรอบ
(สจิตฺตปริโยทปนํ...Sacittapariyodspanam)"
นตฺติ อาภา สมา ปญฺญา
Natthi abha sama panna.
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา-ไม่มี ฯ
มีแต่ ต้องอาศัย เท็คนิคกักลมอัสมิตา
เท่านั้น ครับ !!!
No comments:
Post a Comment