ของ นวดรักษาโรค(หัตถเวชบำบัด)
ว่า... เป็นการปรับ "สมดุลแห่งสมมาตร"
ของ ระบบต่อมน้ำเหลือง บนเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
ซึ่ง ห้องปฏิบัติการโยคะของพระพุทธศาสนา
เรียกว่า "น้ำดีแบบที่ไม่เป็นฝัก"
๒ แก้เส้นปัตฆาฏและราทยักษ์ แก้ไหล่ตาย และถ้าจะแก้ข้างขวาไซร้ ลมอันชื่อว่าชิวหาสดมภ์ และที่จะลงมือนั้นดุจดังกันทั้งสองข้าง
จากหลักฐานภาพสมมาตร...ซึ่งเป็นโครงสร้างเฉพาะของระบบต่อมน้ำเหลือง ที่การแพทย์ปัจจุบันค้นพบเท่าๆกับ...หลักฐาน "ลม(วาตะ)"ของวิชานวดแผนไทยที่อิงวิชาจิตสรีรศาสตร์ในห้องกรรมฐานฝ่ายพุทธ...
ไม่ใช่เรื่องของกล้ามเนื้อ แต่เป็นเรื่องของ กองลมในกาย...หรือกองลมที่แต่งกายทั้งหมดที่ในอานาปานสติสูตรขั้นที่ ๓ เรียกว่า "กายทั้งปวง(สัพพกาย)" ที่ลมหายใจออกลมหายใจเข้า(อัสสาสะปัสสาโส)เป็น ประธานแห่งการปรุงแต่งกาย(กายสังขาร) ทำงานสัมพันธ์กับ
ศิษย์แห่งสำนักนวด ร.อ.ขุนโยธาพิทักษ์
เปิดเผยภูมิปัญญาแห่งครูอาจาริยะ
@ บอกเส้นอิทา ๑ ปิงคลา ๑ สุศุมญา ๑ บอก ๓ เส้นแลฯ
@ เส้นอันชื่อว่าอิทานั้น ออกมาแต่นาภีแล้วไปวงอยู่ต้นขาข้างซ้าย แล้วผ่านไปเอาสันหลังแนบแฝงขึ้นไปด้วยกระดูกสันหลังซ้าย ขึ้นไปผ่านเอาศรีษะข้างซ้าย แล้วลงมาเอานาสิกข้างซ้ายอยู่ประจำลมอันชื่อว่าจันทระกลาแลฯ
บันทึก Atthanij Pokkasap ;
-สูรยะกลา ถูกกองลมอื่นแทรก ทำให้เป็น สันนิบาต(ชักกระตุก), ลมปะกัง ทำให้ปวดมึนศรีษะ
- สุศุมญา ถูกกองลมอื่นแทรก เรียกลมชิวหาสดมภ์ ทำให้ลิ้นแข็ง ปากแข็ง พูดไม่ได้
- ปิงคลา ถูกกองลมอื่นแทรก เรียกลมแทรกว่า พหิวาตะ ปวดหลัง ปวดทั่วกาย ปวดถึงกระดูก..ฯลฯ
No comments:
Post a Comment