Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Thursday, January 24, 2019

การจัดยาจากสมุนไพรตามความสัมพันธ์ระหว่าง กลุ่มประสาทรับรู้รส (ชิวหินทรีย์) กับ ปัญจกะธาตุ


Atthanij Pokkasab

13 กันยายน 2015


ลิ้น ; กลุ่มประสาทรับรู้รส(ชิวหินทรีย์)
ความสัมพันธ์ระหว่าง กลุ่มประสาทรับรู้รส ที่ศัพท์เทคนิคของพระพุทธศาสนา นิยามว่า "ชิวหินทรีย์" คือ ชิวหา(ลิ้น) + อินทรีย์(ความรู้สึก...เป็นใหญ่) กับ ปัญจกะธาตุ กลุ่มที่ ๒ กลุ่มที่ ๓ ในธาตุดิน ๒๐ แสดงให้รู้สึก "อำนาจของรส" ที่เป็นปัจจัยร่วมกับ ลิ้น ได้ก่อให้เกิด "วิญญาณ" คือ "ชิวหาวิญญาณ" ๑ ใน หกระบบของอายตนประสาทที่สอดประสานถักทอ อุปทายรูปความเป็นสัตวบุคคลของมหาภูต ๔ ที่เรียกว่า "ชาติ" ขึ้น
ในวิชาแพทย์แผนพุทธตันตระต้นกำเนิดแพทย์แผนไทยปัจจุบัน ให้ความสำคัญต่อการอ่านสมุฏฐานโรคและการจัดยาจากสมุนไพรด้วย "รส" อย่างยิ่ง
เพราะ "รส" มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะภายใน ที่เป็นหลักของอาการ ๓๒ ...ถึง ๕ อาการ ดังนี้

๑. ม้าม(วักกัง) ที่อยู่อันดับห้าของปัญจกะธาตุกลุ่มที่ ๒ มีประสิทธิภาพ มากน้อย หย่อน หรือกำเริบโดยการบอกรสผ่านลิ้น
ด้วย "รสหวาน"

๒. หัวใจ (หทยัง) อันดับหนึ่งของปัญจกะธาตุกลุ่มที่ ๓ บอกรสผ่านลิ้นด้วย "รสขม" และอาการ หย่อน-กำเริบผ่านปาก

๓. ตับ (ยกนัง) อันดับสองของปัญจกะธาตุกลุ่มที่ ๓ บอกรสผ่านลิ้นด้วย "รสเปรี้ยว" และอาการ หย่อน-กำเริบผ่านตา(ดาวอาทิตย์ ๑, ดาวจันทร์ ๒)

๔. ไต (วักกัง) อันดับสี่ของปัญจกะธาตุกลุ่มที่ ๓ บอกรสผ่านลิ้น ด้วย "รสเค็ม" และอาการ หย่อน-กำเริบผ่านหู(ดาวพุธ ๔)

๕. ปอด (ปัปผาสัง) อันดับห้าของปัญจกะธาตุกลุ่มที่ ๓ บอกรสผ่านลิ้นด้วย "รสขื่น"

การเข้ายาสมุนไพรของเภสัชกรรมโบราณจึงให้ความสำคัญต่อรสยา ตามความสัมพันธ์กับอาการหย่อน-กำเริบ ของอวัยวะหลักตามกล่าวแล้วนี้ แลฯ

No comments: