วันศุกร์ ที่ ๗
มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ (๒)
07:30 น. ขึ้น ๗ ค่ำ
เดือน ๔
กำเนิด * อานาปานสติสมาธิ
* ตอนที่ ๓
ความเดินตอนที่แล้ว (PART
83)
พระผู้มีพระภาคเจ้า
แสดง อานาปานสติสมาธิกถา แก่ภิกษุทั้งหลายชาวแคว้นวัชชีที่รอดพ้นจาก
การคิดปลงชีวิตตนเองอันเนื่องมาจากการปฏิบัติการโยคะชื่อ
อสุภกัมมัฏฐาน
โดยเริ่มต้นคุณแห่ง สมาธิในอานาปานสติว่า
อานาปานสติ
เมื่ออบรมทำให้มาก ย่อมให้คุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
ยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วๆ ให้อันตรธานสงบไปโดยฉับพลัน
ดุจละอองฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นในเดือนท้ายฤดูร้อนแล้ว ถูกฝนใหญ่ตกลงมาใส่ฉะนั้น
แล้วเริ่มพระสูตรปฏิบัติการโยคะการหายใจด้วย
การตั้งสติบ่ายหน้าสู่กรรมฐานโดย
มีสติหายใจเข้า
มีสติหายใจออก
มีสติหายใจเข้ายาว
มีสติหายใจออกยาว
มีสติหายใจเข้าสั้น
มีสติหายใจออกสั้น
๔ หัวข้อก่อน
เป็นปฐม...หมวดที่ ๑
และมีคำอธิบายของท่านพระสารีบุตรอรรถาธิบายอยู่ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคว่า
ลมหายใจคือวัตถุ
ที่ทำให้ จิต และสติ มั่นคง ซึ่งเมื่อ
จิตและสติมั่นคงย่อมทำให้เกิดความรู้เนื่องด้วยกาย (กายานุปัสสนา)
อะไร คือ
ความรู้เนื่องด้วยกาย ???!!
*
หัวใจมนุษย์ คือ นาฬิกา !!!* รู้เรื่องมั้ยเนี่ย???
ย่อหน้าสุดท้าย บทที่
๘ เอกภพ และ ดร.ไอน์สไตน์ (The Universe and Dr.Eistein) พรรณนาไว้ดังนี้
;
*เมือ่ใดก็ตามที่ได้มีการพิสูจน์ทฤษฎีของไอน์สไตน์
ก็ได้รับการยืนยันอย่างเต็มที่ว่า ทฤษฎีนี้ใช้ได้
ข้อพิสูจน์เรื่องการช้าลงของระยะเวลานั้น มาจากการทดลองของ เอช.อี.ไอฟส์ (H.E.Ives)
แห่งห้องปฏิบัติการของบริษัทเบลล์ (Bell Telephone Lab.) ในปี ค.ศ.1936 อะตอมซึ่งให้แสงนั้น ถือว่าเป็นนาฬิกาชนิดหนึ่ง เพราะอะตอมที่ให้แสงที่มีความถี่และความยาวคลื่นจำกัด
ซึ่งอาจจะวัดได้อย่างละเอียดโดยอาศัยสเปกโตรสโคป
ไอฟส์
เปรียบเทียบแสงที่ออกมาจากอะตอมของไฮโดรเจนซึ่งกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
กับแสงที่กระจายออกจากอะตอมของไฮโดรเจนซึ่งอยู่นิ่ง และพบว่า ความถี่ของการสั่นสะเทือนของอิเลคตรอน
ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ลดลงเท่ากับที่สมการไอน์สไตน์ได้พยากรณ์ไว้พอดี สักวันหนึ่งวิทยาศาสตร์อาจจะพบวิธีทดสอบทฤษฎีนี้ด้วยวิธีที่น่าสนใจกว่าที่กล่าวแล้ว
เนื่องจากไอน์สไตน์ชี้ให้เห็นว่า
การเคลื่อนที่ใดๆก็ตาม ซึ่งเป็นจังหวะ อาจใช้วัดเวลาได้ เช่น
หัวใจมนุษย์
ก็เป็นนาฬิกาอย่างหนึ่ง
ฉะนั้นตามทฤษฎีแห่งสัมพัทธภาพ
คนที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้ความเร็วของแสง
หัวใจของเขาจะเต้นช้าลง
การหายใจและการทำงานของระบบอื่นในร่างกายของเขาก็จะช้าลงด้วย
แต่ตัวเขาเองจะไม่สำนึกถึงความช้านี้
เพราะนาฬิกาของเขา จะช้าลงในอัตราเดียวกัน แต่ผู้ที่อยู่ในที่ซึ่งอยู่นิ่ง จะเห็นเขา
"แก่" ช้าลง.
... ... ...
ครับ!
วิทยาศาสตร์สัมพัทธภาพจากการค้นพบของไอน์สไตน์ในต้นคริสตศตวรรษที่ 20
ได้อธิบายการทำงานของหัวใจ
พระโยคาวรในพระพุทธศาสนาไว้แล้วอย่างถุกต้อง...เพราะ..
พระพุทธศาสนาได้นำเอาความสั้นยาวของลมหายใจ
ไปใช้วัดค่าเวลาตอนสร้างสูตรคำนวณหาเวลาในระบบสุริยคติ และ
ระบบจันทรคติจากท้องฟ้าในไตรภูมิ (นวมกัณฑ์
กัณที่ ๙ แห่งไตรภูมิพระร่วง ที่มาของคัมภีร์ สุริยยาตร์) เป็นมาตรากระจาย
ค่าเวลาภายใน (อันโตนาที) ที่สัมพันธ์กับเวลาภายนอก (พหิรนาที หรือพหินาที ก็เรียก)
ไว้ดังนี้
๑๐ อักษร เป็น ๑ ปราณ
๖ ปราณ เป็น ๑ พืช
๑๕ พืช เป็น ๑ บาท
๔ บาท เป็น ๑ นาที
๖๐ นาที เป็น ๑ วัน
หมายถึง...
หายใจได้ ๖ ครั้ง
เงา (เงาร่างของพระโยคาจารที่เกิดจากแสงสว่างดวงอาทิตย์ และหรือดวงจันทร์) ยาวออก
หรือสั้นเข้าเท่ากับความยาวเมล็ดข้าวเปลือกหนึ่งเมล็ด ท่านเรียกว่า ๑ พืช
ยาวเท่ากับรอยเท้า เท่ากับ ๑ บาท....ฯลฯ
สูตรคำนวณเวลาที่เกิดจากความสัมพันธ์ของการหายใจเข้าหายใจออก
และความสั้นยาวของเงาร่าง..พระโยคาวจร..นักปฏิบัติการโยคะในพระพุทธศาสนา
เป็นที่มาของวิชาโหราศาสตร์ไทย
อีกนัยะ ก็คือ
วิชาโหราศาสตร์ไทย
คือภาคคำนวณว่าด้วยเวลาตามประสบการณ์การค้นพบปรากฏการณ์เวลาของพระพุทธศาสนา น่ะเอง
พระพุทธศาสนาได้ค้นพบปรากฏการณ์เวลา
ดังที่ท่านพระนาคเสนได้วิสัชนาถวาย คิงเมนันเดอร์ (พระเจ้ามิลินทราช)
เมื่อพ.ศ.๓๙๒
ว่า
"เวลา เกิดจาก
ปฏิจจสมุปปาท (ทุกขสมุทัย)"
นี่คือ
ความรู้ (เรื่องเวลา) อันเนื่องด้วยกาย (กายานุปัสสนา)
เพราะ เตวิชชา (วิชชา
๓) ที่เป็นกิจสูงสุดของพระพุทธศาสนาก็คือ
ความรู้ลำดับเหตุการณ์ในอดีต
(บุพเพนิวาสานุสสติญาณ...เวลาในอดีตของ
ตัวชีวิตเจ้าของนาฬิกาหัวใจนั้น)
ความรู้ลำดับเหตุการณ์ในอนาคต
(จุตูปปาตญาณ..เวลาในอนาคตของตัวชีวิตเจ้าของนาฬีกาหัวใจนั้น)
สุดท้าย...ความรู้ในการสิ้นสุดของเวลาที่ประเสริฐสุดขณะปัจจุบัน
(อาสวักขยญาณ)
ประสบการณ์ค้นพบปรากฏการณ์เวลาที่วิทยาศาสตร์สัมพัทธภาพเรียกว่า
จิตวิสัยแห่งเวลา
หรือเวลาอันเป็นจิตวิสัย (Subjectivity of Time)
คือปฏิบัติการในอานาปานสติสมาธิ
และได้ภาคคำนวณออกมาเรียกว่าวิชาโหราศาสตร์ไทยครับ
พระพุทธศาสนา
ไม่ได้ง่าย หยาบ อย่างที่พวกท่านทั้งหลาย...
เที่ยวอวดภูมิกันเลย...
ขอโทษ..ขอโทษ ว่ะครับ
พวกท่านทั้งหลาย
ไม่ได้รู้จักพระพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ตามเป็นจริงกันเลยนี่หว่า....!!!
AtthaniJ
Pokkasap
อัญเชิญและถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาตามเป็นจริง
ดังนี้
...ไม่รู้ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าในไตรภูมิ...ก็คือไม่รู้เรื่องเวลา..ไม่รู้เรื่องเวลา
ก็คือ ไม่รู้จักตนเอง (กายานุปสสนา)..
เพราะหัวใจ คือผู้ผลิตเวลาของชีวิต!!!
...๖๐ นาที เป็น ๑ วัน...หน่วยนาที ที่เป็น นาที
ที่ใช้อ่านควบคู่องศาที่โลกหมุนรอบตัวเอง (360 องศา) ที่เป็น ๑ วัน ๑ คืน
กับที่โคจรผ่านราศี (๑๒ ราศี ..มังกร, กุมภ์..,มีน..) ในแต่ละเดือน..ครับ ไม่ใช่นาทีสากล แต่ภาษาไทยยืมไปใช้ในความหมายของสากล..
...๑๐ อักษร ก็คือ
คณนา..การนับในใจตอนหายใจเข้า หายใจออก แบบเดียวกะนับ ๑-๑๐ บนเวทีมวย
แต่จะช้ากว่าอีกนิดหน่อยครับ
...ปฏิบัติการโยคะ
ว่าด้วยอานาปานสติสมาธิ ของพระพุทธศาสนา
แค่ ๔
ขั้นตอนแรก (จากทั้งหมด ๑๖ ขั้นตอน)
คงต้องยาวหลายตอนกว่าจะได้อธิบายวิธีการปฏิบัติเพื่อพิสูจน์พบ
สนามเวลา (Time
Field) ที่รองรับอานุภาพอันยิ่งใหญ่
ของ "ผู้ลำดับเหตุการณ์ (ที่มาของ
"เวลา") คือ "จิต"
..ในปรากฏการณ์ธรรมชาติ
เพราะ
ปรากฏการณ์ธรรมชาติของเวลาที่พระพุทธศาสนาค้นพบ
เป็นปรากฏการณ์เดียวกับในห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ฟิสิคส์
มูลค่านับหมื่นๆล้านบาทของวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า (Modern
Science)
แห่งคริสตศตวรรษที่
20 ได้ค้นพบ !!!
...พวกดูถูก
และเหยียบย่ำพระพุทธศาสนา หาทางกลับดวงดาวที่ล้าหลังไปเลย...อย่ามาเสนอหน้าที่โง่ๆ
บนดาวโลกดวงนี้
กันอยู่อีกเลย....
...จิต
ของมนุษย์แต่ละหนึ่งชีวิต ยิ่งใหญ่เท่าๆกะ
ความกว้างใหญ่ไพศาลของดาราจักรทางช้างเผือกที่มีดาวสมาชิกอยู่มากกว่า ๔
แสนล้านดวง...เมื่อไม่รู้จักธรรมชาติที่ประกอบเป็นสัตวบุคคลของตนเอง
ก็อย่าใช้ความโง่บัดซบไปเที่ยวดูถูกประณาม
ผู้อื่นเพราะนั้น คือ
การสาบแช่งตัวเองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่ใครก็ทำให้ไม่ได้...!!!
...อานิสงส์ขั้นพื้นฐานของการฝึกอานาปานสติ
การปรับอุณภูมิร่างกาย
:
ตั้งสติ หายใจเบาๆ
รวยรินๆ ยาวๆสุดๆ
จะทำให้กระบวนการเมตาโบลิสม์ในเซลล์ร่างกายทำงานช้าลง
อุณหภูมิร่างกายจะลดลง
2-10 องศาเซลเซียส จะทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น
ที่รู้สึกร้อน
ทุรนทุราย เพราะหายใจหยาบๆ สั้นๆ (เหมือนหมา)
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment