Breaking Dharma PART 38...!!!
....
ศาสนา.. แห่ง
วิทยาศาสตร์ !!!
ในการศึกษาพระพุทธศาสนาระดับโลก
ไม่มีใครให้ความสำคัญแก่...ไตรภูมิพระร่วง วรรณคดีเล่มแรก ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่ง
ราชอาณาจักรสยาม...ไม่ว่ากัน
เพราะ ทายาทชาติเจ้าของวรรณคดีเอง ยังไม่ให้ความสำคัญเลย!!!
กัณฑ์ที่ ๙ แห่ง
ไตรภูมิพระร่วง (นวมกัณฑ์)
ได้
พรรณาถึงโครงสร้างของจักรวาลแบบไตรภูมิ เป็นจักรวาลรูปวงแหวน ๗ ชั้น (สัตตบริภัณฑ์)
สัดส่วนเป็นระยะห่างกันแบบ
อัตราอนุกรมเรขาคณิต ( ๑, ๒,
๔, ๘, ๑๖,...) ศูนย์กลางจักรวาล สูงสุด เรียกว่า
เขาพระสุเมรุ (สิเนรุ)..
จะไม่น่าสนใจเลย
เมื่อไม่รู้ว่า..กัณฑ์ ที่ ๙ นี้ คือภาคทฤษฎีที่มี คัมภีร์สุริยยาตร์ เป็นภาคคำนวณ
!!!
คำนวณสร้างปฏิทินที่ไทยใช้อยู่ทุกวันนี้
ทั้งระบบจันทรคติ และ สุริยคติ
โดยคำนวณจาก
ดวงดาวในท้องฟ้า ของไตรภูมิ...ที่เป็นท้องฟ้าในดวงจิตมาตรฐานค่าสูงที่สุด..!!!
อรูปพรหมชั้นที่
๔..เนวสัญญานาสัญญายตนะ ที่มีคาบอายุขัย ๘๔,๐๐๐ มหากัป
(ดาราจักรทางช้างเผือก
หรือที่พระพุทธศาสนาเรียกว่า จักรวาลแสนโกฏิโลกธาตุ เกิด-ดับ ๘๔,๐๐๐ รอบ)
เป็นคัมภีร์คำนวณพิกัดดวงดาวในระบบสุริยจักรวาล
ในท้องฟ้าของจิตมาตรฐานค่าสูงสุดที่ยังแม่นยำนับจากการปรากฏตัวของคัมภีร์ในรัชสมัยของพ่อขุนพระญาลิไทย (พ.ศ.๑๘๙๐
- ๑๙๑๗)
มาจนถึงปัจจุบันนี้
เท่ากับว่า
โหราศาสตร์ไทย คือภาคคำนวณของพระพุทธศาสนา.....
นักการศึกษาทั้งหมด
ชอบอ้างว่า..พระพุทธศาสนา เป็นวิทยาศาสตร์ แต่ทั้งหมด
ไม่มีใครเคยกล่าวถึงลักษณะอันสูงส่งทางวิทยาศาสตร์ตามเป็นจริงของพระพุทธศาสนาเลย...
ยิ่งเมื่อนำเนื้อหา
เถร-เถรีคาถา (ไตรปิฎก สยามรัฐ เล่ม ๒๖) และ
อัปทาน (ไตรปิฎก เล่ม
๓๒, ๓๓/๔๕) มาประกอบด้วยแล้วจะเห็นการเชื่อมโยงของเวลาขนาดใหญ่ที่พระพุทธศาสนาเรียกว่า
กัป หรือกัลป์
ระหว่างพุทธันดรกัปที่แล้ว (ยุคพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า)กับ
พุทธันดรกัปปัจจุบัน (ยุคพระโคตมะสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปัจจุบัน) ซ้อนทับกันอยู่เหมือนโครงสร้างจักรวาลแบบไตรภูมิ....
(นักปราชญ์ผู้คลั่งลัทธิและเป็นทาสลัทธิวิทยาศาสตร์ตะวันตก
ยิ่งไม่อ่าน
แตกต่างจากนักวิทยาศาสตร์ของตะวันตกที่ศึกษาอย่างเอาจริงเอาจัง..)
จักรวาลในโลกของพลังงาน (คลื่น, อนุภาค แห่งแสงสว่าง) ตามประสบการณ์การค้นพบของพระพุทธศาสนา มีลักษณะเป็น
กลุ่มพลังงานเชิงซ้อนที่เลื่อนไหลเป็นกระแส (Ossillate
of Quantum)
พระพุทธศาสนามีการค้นพบที่พุทธศาสนิกชนวันนี้ไม่รู้มหาศาล
ทำให้รู้ว่าแต่ละสำนัก
เป็นปราชญ์ในสำนักบอดคลำช้างแทบจะด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
เราชาวพุทธหัวโบราณขอประณาม..
ผู้แตะต้องพระพุทธศาสนาด้วยความไม่รู้จริงและชอบเอาคำสอนอันสูงส่งของพระพุทธศาสนาไปรองรับความเชื่อผิดๆของตน
ทั้งหลาย. ไว้ ณ.ที่นี้ ดังนี้.
Atthanij
Pokkasap
รายงานจากขอนแก่น
18:35 น. ขึ้น ๖ ค่ำ
เดือน ๑๐ อังคาร ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖
...แค่ไฟประลัยกัลป์ ที่แปลว่า
ไฟเผาโครงสร้างเวลาขนาดใหญ่ มันก็ไปกันไม่เป็นแล้ว...
...หน้าที่
ที่สมบูรณ์แบบของชาวพุทธโบราณ เป็นยังงี้...
๑.ปฏิบัติด้วยตนเอง
๒.ชักชวนให้คนอื่นมาปฏิบัติด้วย
๓.สรรเสริญธรรมที่ปฏิบัติและที่ยังปฏิบัติไปไม่ถึงด้วย (ที่มาของความเชื่อ
เข้าวัดต้องตีระฆัง)
ท่านจึงเรียกว่า ปฏิบัติครบหน้าที่ น่ะครับ.
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment