Breaking Dharma PART 80...!!!
....
ตอน กำเนิดของพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง
ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.๒๑๓๓-๒๑๔๘)
ตำนานแห่งมหาวิชาธนุรเวท (Buddhatantric
Myth of Scytheics)
๑ ใน ศิลปศาสตร์ ๑๘
ประการ ที่มีบันทึกคำบอกเล่าละเอียดที่สุด
กว่าศิลปศาสตร์ใดๆของตักสิลา
โดยพระพุทธศาสนา คือศาสตร์ว่าด้วยเท็คนิคการสร้าง
อาวุธสงครามที่มีอานุภาพไม่จำกัดกาล
พระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง
คือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อม
ระหว่างตำนานจากสมัยพุทธกาล
ก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑
เข้ากับ
อานุภาพอาวุธสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยาเรืองอำนาจ
ในช่วงกลางและปลายพุทธศตวรรษที่
๒๒
แล้วพัฒนาให้ราชอาณาจักรสยาม
กลายเป็นพ่อค้าอาวุธสงครามรายใหญ่รายแรกของโลก
พระแสงปืนฯ
และดินปืนที่ทรงคุณภาพกว่า ของที่กำลังรบ
สัญชาติโปรตุเกส
และฮอลันดา จากยุโรป
นำมาล่าอาณานิคมกลุ่มแรก
ทำให้ชาวยุโรปสองชาติแรกนี้
ฉงนฉงาย
ลดตัวลงเป็นเพียงกองทหารอาสาอยู่ในกองทัพ
ราชอาณาจักรสยาม
เพื่อศึกษาเรียนรู้เทคโนโลยีอาวุธสงครามตัวนี้ !!!
สยามไม่ได้กระจอก
ไม่ได้ปล้นวัฒนธรรมประเพณีชาติเล็กชาติน้อย
ที่เป็นเพื่อนบ้านทุกวันนี้อย่างที่นักวิชาการขายชาติบิดเบือน
เหยียบย่ำภูมิปัญญาแห่งบรรพชนผู้สร้าง
"ร่มพระบรมโพธิสมภาร"
ที่มีขอบขัณฑสีมายิ่งใหญ่กว่า
"ราขอาณาจักร" ใดๆในโลก
อย่างที่นักการเมืองที่มั่วสุมสร้างรัฐบาลขี้ขลาดตอแหลลวงโลก
อย่างที่กำลังเป็นอยู่...ฯลฯ
ถ้าไม่เคยรู้ว่า สยาม
คือชาติที่หยุดความอหังการการเข้ามาล่าอาณานิคม
ของชาติยุโรป ๔
สัญชาติ ถึงสองครั้งใหญ่ๆ คือ โปรตุเกส ฮอลันดา
ที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.๒๑๓๓-๒๑๔๘)
กับฝรั่งเศสและอังกฤษที่พยายามเข้ามาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.๒๑๙๙-๒๒๓๑)
และทายาทขุมกำลังรบของกองทัพสมัยสมเด็จพระนารายณ์มีบทบาทมาจนถึง
สมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ.๒๓๖๗-๒๓๙๔)....ที่ยัน
ฝรั่งเศสและ อังกฤษไว้...
ขอโทษครับ...!!!
อย่ามาแสดงภูมิว่ารู้ประวัติศาสตร์ของสยามกันเลย!!!!
แล้วก็ไม่ต้องมาว่า...ไอ้ "นายขยะ" คลั่งชาติด้วย!!!
(เค้าแค่คลั่ง...ความจริงตะหาก
ว้อยยยย...)
Atthanij
Pokkasap
ละเมอ (ว่ะครับ)
08:24 น.ขึ้น๑๒
ค่ำเดือน ๓
วันอังคาร ๑๑
กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๗
...กุมารสยามที่ขี่ม้าก้านกล้วย
แก้ผ้าถือไม้วิ่งตีล้อวงขอบกระด้งก็มี แต่ที่ไปนั่งประดิษฐ์รีวอลเวอร์ลูกโม่
ได้พร้อมๆกะหัดนุ่งกางเกงก็มี....หอคอยงาช้างที่มากินแต่บุญเก่าจะไปรู้เรื่องอะไร
...มีหากินกับการผูกประวัติศาสตร์สนองสันดานตัวเองอยู่หนังสือพิมพ์มติชิน
มันแต่งเรื่องว่าลาวถูกสยามเผาพินาศในสมัย
ร.๓ จนลาวฟื้นประเทศไม่ได้ถึงปัจจุบัน ไม่รู้เลยว่ากองทัพสยามน่ะนะมันแตกแยกตั้งแต่สมัย
ร.๑ ร.๒ ร.๓ คุมอยู่ที่ไหนล่ะ
ร.๓ มีแต่กองกำลังรบของเจ้าคุณบดินทร์เดชาเท่านั้นหนุนหลัง...ความแตกแยกของกองทัพสยามต้นรัตนโกสินทร์
ทำลายประชาชนทุกชาติเผ่าพันธ์ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจนถึงทุกวันนี้
ประวัติศาสตร์ที่เจ้าอนุวงศ์ประกาศพยายามแยกตนออกเพราะเจ้านายสยามที่แตกแยกนั้นมันระยำจริง....จุกยังไม่ทันตัดเลยก็กราดเกรี้ยวดูถูกเหยียดหยามกษัตริย์ประเทศราชอย่างถ่อยสถุล....แต่เมื่อโตขึ้นมันก็เอาเสบียงไปทิ้งอ่าวไทยจนทหารไทยที่ไปรบญวนที่กัมพูชาอดอาหารตายหลายหมื่นนาย
แต่บั้นปลายก็ถูกวางยาพิษตาย.....สมควรแก่เหตุ....กองทัพสยามที่แตกแยกมาแต่ต้นยุครัตนโกสินทร์มันไม่ใช่ทำร้ายแค่ลาว..มันทำลายคนไทยทั้งชาติแบบรุ่นต่อรุ่น....
ถ้ามันจะหากินกับประวัติศาสตร์แบบไม่เอาเจ้า...มันก็ควรแยกแยะด้วย
เจ้าไทยมีชั่วมีเลว มีดี ยันกัน
คละกันอยู่ ถ้าไม่มีดีเลย
มันก็ไม่น่าจะได้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารจนแก่แล้วบิดเบือนประวัติศาสตร์อยู่ในสารคดีช่อง
๑๑ หรอก....
...นักประวัติศาสตร์ขี้ข้า (Historist
The Bond Slave)...ที่สารภาพไว้นับสิบปีมาแล้วว่ามันเองก็ไม่รู้ว่าสยามมาจากไหน...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment