Breaking Dharma PART 40...!!!
....
ความก้าวหน้าทางการแพทย์
สมัยพุทธกาล
ตอน หมอชีวกะ
ผ่าตัดกระโหลกรักษาโรคพยาธิไชสมอง
อ่านดู..ครับ..
ก็ในคราวนั้น เศรษฐีในกรุงราชคฤห์นั้นได้เป็นโรคปวดศรีษะมา ๗
ปีแล้ว ฯ
พวกแพทย์ใหญ่ๆ
ที่เป็นทิสาปาโมกข์เป็นอันมากก็ได้พากันมารักษา แต่ไม่อาจรักษาให้หายได้
ได้แต่ถือเอาเงินไปเป็นอันมากเท่านั้น
ทั้งในเวลานั้นแพทย์ทั้งหลายได้บอกเลิกแล้ว
คือ
แพทย์บางพวก กล่าวว่า
ท่านเศรษฐีจักตายในวันที่ ๕
บางพวกกล่าวว่าจักตายในวันที่ ๗ ฯ
พวกกุฎุมพีในกรุงราชคฤห์ได้ฟังดังนี้
ก็พากันนึกถึงหมอชีวกโกมารภัจจ์ แล้วพากันไปทูลขอ ต่อพระเจ้าพิมพิสาร เพื่อให้ไปรักษาเศรษฐีนั้น ฯ
พระเจ้าพิมพิสารจึงตรัสสั่งหมอชีวกโกมารภัจจ์ให้ไปรักษา
ฯ
เมื่อหมอชีวโกมารภัจจ์ไปถึง
สังเกตดูกิริยาของเศรษฐีก็ถามขึ้นว่า ข้าพเจ้าทำให้ท่านหายโรคได้
ท่านจักให้สิ่งใดแก่ข้าพเจ้า ฯ
เศรษฐีตอบว่า เราจักให้สมบัติทั้งสิ้นแก่เธอ ทั้งจักเป็น ทาส เธอด้วย ฯ
จึงถามขึ้นอีกว่า ท่านเศรษฐีอาจนอนตะแคงข้างเดียวถึง ๘ เดือน
ได้ไหม ? เศรษฐี ตอบว่า ได้ ฯ
จึงถามอีกว่า ท่านเศรษฐีอาจนอนตะแคงอีกข้างหนึ่งถึง
๗ เดือนได้ไหม ? เศรษฐี
ตอบว่า ได้ ฯ
หมอชีวกโกมารภัจจ์จึงให้เศรษฐีนอนบนเตียงเล็กๆแล้วมัดติดกับเตียงจึงถลกผิวหนังศรีษะของเศรษฐีออกแล้วทึ้งบาดแผลไว้..
นำ โรค ๒ ตัว
ออกมาให้คนทั้งหลายดูว่า ท่านทั้งหลายจงดูเถิด
ตัวโรค ๒ ตัวนี้ ตัวหนึ่งเล็ก
ตัวหนึ่งใหญ่ พวกแพทย์ที่กล่าวว่าท่านเศรษฐีจักตายในวันที่ ๕ ก็เพราะได้รู้ถึงตัวโรคตัวใหญ่นี้ แล้วคิดว่า
ตัวโรคนี้จักกัดสมองศรีษะของท่านเศรษฐีในวันที่ ๕ เมื่อมันกินสมองศรีษะหมดแล้ว ท่านเศรษฐีจักตาย
ส่วนพวกที่กล่าวว่าท่านเศรษฐีจักตายในวันที่
๗ นั้น ก็เพราะได้รู้ถึงตัวโรคตัวเล็กนี้ จักกัดสมองศรีษะของท่านเศรษฐีในวันที่ ๗ จักกินสองศรีษะให้สิ้นแล้ว ท่านเศรษฐีจักตาย
ว่าดังนี้แล้วจึงทำให้บาดแผลติดกัน
เย็บให้ดีแล้วใส่ยาไว้ ฯ
พอล่วงไปได้ ๗ วัน เศรษฐีจึงว่า ฉันไม่อาจนอนข้างเดียวได้ถึง ๗ เดือน ฯ
หมอชีวกะจึงว่า ก็ท่านเศรษฐีรับว่าจะนอนข้างเดียวได้ถึง ๗ เดือน
มิใช่หรือ?
เศรษฐีตอบว่า เรารับอย่างนั้นก็จริง
แต่ถึงเราจักตาย เราก็ไม่อาจนอนข้างเดียวได้ถึง ๗ เดือน ฯ
หมอชีวกะจึงว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านจงนอนด้วยข้างที่สองให้ถึง ๗ เดือน ฯ
พอล่วงไปได้ ๗ วัน
แล้ว เศรษฐีก็ตอบว่า นอนไม่ได้ หมอชีวกะจึงให้นอนหงายอยู่ถึง ๗ วัน ฯ
เมื่อเศรษฐีไม่อาจนอนหงายให้เกิน
๗ วันไปได้ หมอชีวกะจึงว่า ถ้าข้าพเจ้าไม่บอกท่านไว้อย่างนี้ ท่านก็นอนไม่ได้นานเท่านี้
ข้าพเจ้ารู้ดีแล้วว่า ท่านจะหายโรคใน ๓ สัปดาห์ เพราะฉะนั้น ท่านจงลุกขึ้นเถิด ท่านหายโรคแล้ว
ท่านจงดูว่า ท่านจะให้สิ่งใดแก่ข้าพเจ้า ฯ
เศรษฐีจึงว่า เรายกสมบัติทั้งสิ้นให้แก่นายแพทย์ ทั้งเราขอเป็นทาสนายแพทย์ด้วย ฯ
หมอชีวกะจึงว่า อย่าเลย ท่านจงให้ทรัพย์แก่ราชาแสนหนึ่ง ให้แก่เราอีกแสนหนึ่งก็เป็นอันเพียงพอ ฯ
ครั้งนั้นเศรษฐีผู้หายโรคแล้ว
ก็ได้ให้เงินไปเพื่อพระราชา ๑ แสน ให้เฉพาะหมอชีวกะโกมารภัจจ์อีก ๑ แสน ดังนี้ ฯ
อรรถกถา ;
ส่วนในอรรถกถาว่า หมอชีวกโกมารภัจจ์นั้น
ได้ปรารถนาเป็นแพทย์ผู้วิเศษ เพื่อจะได้ปฏิบัติ
พระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ มาแต่ครั้งศาสนาขององค์พระปทุมุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าโน้น ในแสนกัลป์
จึงได้มาเกิดเป็นแพทย์ผู้วิเศษในครั้งพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายนี้ ฯ
ส่วนในฎีกานั้นว่า
โรคกรรมวิบากนั้น ได้แก่โรคเกิดด้วยกรรม ดังนี้ นอกจากคำนี้ก็ไม่ได้แก้ไขไว้ประการใด
จึงเป็นอันสิ้นเนื้อความในพระวินัยเทศนากัณฑ์นี้เพียงเท่านี้.
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
ฯ
(อรรถกถา คือ คัมภีร์อธิบายเนื้อความในพระไตรปิฎก
ฎีกา คือคัมภีร์อธิบาย
อรรถกถา
แล้วเกร็ดย่อยพิเศษที่เป็นรายละเอียดเฉพาะเรื่องๆไปอีกที ท่านเรียกคัมภีร์หมู่นี้ว่า ปกรณ์วิเสส ครับ)
จาก จีวรขันธกะ
ว่าด้วยเรื่องหมอชีวกโกมารภัจจ์ คัมภีร์ที่
๓ มหาวรรค พระไตรปิฎก ฉบับราษฎร์
Atthanij
Pokkasap
รายงาน จากขอนแก่น
06:09 น.ขึ้น ๙ ค่ำ
เดือน ๑๐ ศุกร์ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖
...การแพทย์ของมนุษย์เขาก้าวหน้ามาตั้งแก่สมัยบาบิโลเนียนเรืองอำนาจกว่า
สามพันปีมาแล้วครับ..บาบิโลเนียนเองก็ผ่าตัดใส่หัวใจวัวให้กับคน (นักรบ) มาแล้ว มีอายุยืดออกมาถึง ๕
ปี...แพทย์สมัยใหม่เป็นความก้าวหน้าแบบหลงยุค เท่านั้นเอง
...ผ่าตัดกระโหลก เอาพยาธิออกจากสมอง ครับ ในเนื้อความไม่มีรายละเอียด...นอกจากบอกว่า
มันเป็นตัวกินสมอง..ถ้าอยู่ที่หนังศรีษะ หมอคนอื่นๆรักษาได้นานแล้ว ครับ...ตัวโตที่ท่านพูดถึง
อาจเป็นตัวแม่...แต่ลูกมันคงยั้วเยี้ย เพราะฝังตัวอยู่ตั้ง ๗ ปี
วิเคราะห์จริง
เข้าไปแล้ว..ทำให้อยากรู้ว่า พ่อหมอชีวกะ
ท่านใช้เครื่องมืออะไร เปิดกระโหลกศรีษะครับ
...บารมี อย่างใหญ่ครับ ท่านใช้เวลาแสนกัปกัลป์
ในเถรคาถา มีลิงหลายตัว
กบ ปลาวาฬ ใช้เวลา ๓ ชาติ ใน ๒ กัป..ก็เป็นพระอรหันต์เลิกมาเกิดกันครับ
...คือ ชาติที่ ๑ เป็น
สัตว์ไปเอาเสียงสวดมนต์เป็นความทรงจำ แล้วไปเกิดสุคติเป็นเทวดา
พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็จุติจากเทวดามาเป็นมนุษย์บวชทันพระพุทธเจ้าก็จบเลย...นี้เป็นบารมีอย่างเล็ก...
...ตอนสร้างสมบารมี ตลอดแสนกัปกัลป์
ไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นคน
และไม่ทำบาปทุกภพทุกชาตินะครับ พระพุทธเจ้าไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็หลายชาติอยู่
ท่านพระสารีบุตรไปเกิดเป็นลิงรวดเดียว
๕๐๐ ชาติ ก็เป็นมาแล้ว
ท่านพระมหาโมคคัลลานไปเกิดเป็นพระยามารสร้างลูกหลานมารเต็มสวรรค์ก็เป็นไปแล้ว แถมยังมีชาติที่หลงเมียฆ่าพ่อฆ่าแม่
อีกซะด้วย...เป็นโศกนาฏกรรมภายในแสนกัปกัลป์ที่บ่มบารมีทั้งนั้น..
...ไม่ไม่ต้องห่วงว่าเราจะต้องสร้างเวรสร้างกรรมต่อ..เพียงแต่ให้ทำไปด้วยสติ
เหมือนการจับถือยาพิษ หรือของร้อน มันต้องใช้เทคนิคงัย...
...อันนี้ทีแรก ผมจะตั้งข้อสังเกตุไว้เหมือนกันว่า ขนาดหมอวิเศษสมัยพุทธกาล ท่านยังถามราคาก่อนเลย...แต่เราก็ดูหมอก่อนหน้าพ่อหมอชีวกะสิ..เอาแต่เงินทั้งนั้นจริงๆ..
...มัน..สนุกกว่านี้ตอนพ่อหมอชีวกะไปรักษาพระเจ้าจัณฑปัชโชต (ปัชโชตจอมโหด)
ที่ไม่ยอมเสวยนมแพะ
แล้วพ่อหมอท่านปรุงนมแพะ จนหมดกลิ่น หลอกให้เสวยจนโรคหาย
พอรู้ตัวว่าเสวยนมแพะเข้าไป สั่งตามล่าสังหารพ่อหมอชีวกะเลย...ที่เดียวเชียวล่ะ
...อย่างไรก็ตาม เห็นค่าภาษีที่พ่อหมอชีวกะจ่ายให้พระราชามั้ยล่ะ...๕๐%
เชียวนะ..หมอทุกวันนี้เลี่ยงภาษีอ่ะ...
...พ่อหมอชีวกะ
เป็นหมอไฮโซนะครับ แค่คนรับใช้พ่อหมอหรือทาสพ่อหมอน่าจะถึงคนจนได้อยู่..
...หมอฮัวโต๋เป็นชาวฮินดูกูษ แบบเดียวกะพิษปัจฉิม อาวเอี้ยงฮง ใน มังกรหยก...ไม่ใช่จีน...
จีนต้องอย่างโจโฉ
ขงเบ้ง เล่าปี่ มีหน้าที่ออกอุบายให้คนจีนฆ่าฟันกันเอง...
เสียดายตำราท่านไม่ได้แปลเลยโดนเผาทิ้งไป
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment