Breaking Dharma PART 71...!!!....
12:30
น.แรม ๔ ค่ำ เดือนอ้าย
เสาร์
๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖
ข่าวสาร
จาก พุทธกาล
ตอน
คำสนทนา ของ ท่านพระสารีบุตร กับท่านพระมหาโฏฐิตะ
ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
ถามว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
ปัญญากับวิญญาณนี้
คลุกคลีกันหรือแยกกัน
ท่านอาจแยกธรรมทั้ง
๒ นี้ออกบัญญัติให้ต่างกันได้หรือไม่?"
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
"ดูก่อน
ท่านโกฏฐิตะ
ปัญญากับวิญญาณ
ทั้ง ๒ นี้ คลุกกัน ไม่แยกกัน
ไม่อาจแยกออกให้ต่างกันได้
บุคคลรู้สิ่งใด
ก็รู้สึกสิ่งนั้น
บุคคลรู้สึกสิ่งใด
ก็รู้สิ่งนั้น
เพราะฉะนั้นจึงว่า
ธรรมทั้ง ๒ นี้คลุกกัน
ไม่แยกกัน
ไม่อาจแยกออกให้ต่างกันได้"
ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
ถามต่อว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
ปัญญากับวิญญาณทั้ง
๒ นี้ คลุกกัน ไม่แยกกัน
มีการกระทำต่างกันอย่างไร?"
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
"ดูก่อน
ท่านมหาโกฏฐิตะ
ปัญญากับวิญญาณ
มีการกระทำต่างกันอย่างนี้ คือ
ปัญญา
ของของควรทำให้เกิด
ส่วน
วิญญาณ เป็นของควรกำหนดรู้"
....
ฯลฯ ...
(ถัดจากวิญญาณ
เป็นเวทนา สัญญา ซึ่งทั้งสามนี้ก็ได้รับคำตอบ
จากท่านพระสารีบุตรว่า
คลุกกัน ไม่แยกกัน
ไม่อาจแยกออกจากกันได้)
ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
ถามต่อ อีกว่า
"บุคคลควรนำอะไรไปด้วย
*มโนวิญญาณอันบริสุทธิ์
อันแยกจากอินทรีย์ ๕ แล้ว?*
....
ฯลฯ
(ตอนนี้ท่านพระสารีบุตรตอบ
ถึง อรูปฌาน ๔ ว่าเป็นธรรม
ที่
มโนวิญญาณ อันบริสุทธิ์เป็นสิ่งเอื้อนำไป)
สุดท้าย
ท่านพระมหาโกฏฐิตะ จึงถามว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
บุคคลรู้จักธรรมที่ควรนำไปด้วยอะไร?"
ท่านพระสารีบุตร
ตอบว่า
"ท่านมหาโกฏฐิตะ
บุคคลรู้จักธรรมที่ควรนำไป
ด้วย
*ปัญญาจักษุ*
"
ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
จึงถามอีกว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
ปัญญา
มีอะไรเป็นความหมาย?"
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
"ท่านมหาโกฏฐิตะ
ปัญญา
มีความรู้ยิ่งเป็นความหมาย
ปัญญา
มีความรอบรู้เป็นความหมาย
และ
ปัญญา มีการละ เป็นความหมาย!!!"
จาก
มหาเวทัลลสูตร มูลปัณณาสก์ มัชฌิมนิกาย
ไตรปิฎก
สยามรัฐ เล่ม ๑๒/๔๕
รู้ได้แล้วนะครับ..
วิญญาณ
เวทนา สัญญา ปัญญา ไม่แยกกัน
วิญญาณ
รู้ได้ด้วยการกำหนดรู้ ปัญญารู้ได้ด้วยการทำให้เกิด
อะไรคือเทคนิคกำหนดรู้
อะไรคือเทคนิคทำปัญญาให้เกิด
และตอนที่ท่านกล่าวว่า
*มโนวิญญาณอันบริสุทธิ์
อันแยกจากอินทรีย์ ๕*
ก็คือการแยกประสบการณ์จากอายตนะทั้ง
๕ ในสมอง
ออกจาก
พลังงานที่ขับเคลื่อนการทำงานของสมอง
ที่ส่งตรงมาจากหัวใจ
ซึ่งเป็นธรรมทานที่ "นายขยะ"
กล่าวไว้อย่างมากมายซ้ำซาก
ตรงๆง่ายๆ
ก็คือ
แยกการทำงานของสมองออกจากการทำงานของหัวใจ
เป็นที่มาของ
Wu-Sin
ในสำนวนจีน และ Mu-Shin ในสำนวนญี่ปุ่น
ปุ้กซิม (ไร้ใจ) ในสำนวนกำลังภายใน
ซึ่งก็คือ
*ดับวิญญาณ*
ในสำนวนชาวพุทธโบราณ
คือการไม่ให้
มโนวิญญาณธาตุจากหัวใจส่งพลังงานไปปรุงแต่งกับ
จักขุวิญญาณ, โสตวิญญาณ, ฆานวิญญาณ, ชิวหาวิญญาณ
และกายวิญญาณ
จนเกิดเป็น มโนวิญญาณคือประสบการณ์ที่สมอง
ควบคุมขอบเขตการทำงานของหัวใจ...
ผู้ใดสงสัยธรรม
จงถามเรา!!!
(เสียง
สิงโตคำราม ของ ท่านพระปิณโฑลภารทวาช)
Atthanij Pokkasap อัญเชิญมาถ่ายทอด
ก่อนที่จะมีการสอน
เข้าป่าเข้าดงพงรกไปกว่านี้
...ไม่ได้เก่งพอที่จะไปรู้เองเห็นเองกะใครทั้งนั้น...
เก่งตามตำรา
ไปตามแผนที่ไตรภูมิ ครับ...อ่านเป็นเที่ยวเป็นเที่ยวไปในภพภูมิต่างๆเป็นก็ละกัน....
พวกไม่มีแผนที่เดินทาง
เก่งกันนัก เรื่องนอกลู่นอกทางเห็นๆ...
...ทำให้เราเข้าถึงการใช้ทฤษฎีควอนตัม-สัมพัทธภาพ
สร้างเทคโนโลยียานอวกาศแบบ
Warp
ทะลุมิติ ไม่ต้องใช้การอาศัยจรวดยิงขึ้นสู่อวกาศที่ล้าหลังมากๆ
...ควบคุมคลื่นแม่เหล็กดวงดาวของโลกได้ การจะดึงดาวเทียมการสื่อสารของใครต่อใครลงมาทำอุปกรณ์สนามเด็กให้ลูกหลานเล่น
ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป...เอาไว้เรียกค่าไถ่มันก็ยังได้...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment