วันศุกร์ ที่ ๗
มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗
เช้าตรู่ ขึ้น ๗ ค่ำ
เดือน ๔
กำเนิด *
อานาปานสติสมาธิ * ตอนที่ ๒
ความเดิมตอนที่ ๑ (PART
82)
ภิกษุทั้งหลายแห่งพระนครเวสาลี
ได้ปฏิบัติธรรมคืออสุภกัมมัฏฐาน มากมายหลายกระบวน ได้เกิดความเบื่อหน่าย อึดอัด
ท้อแท้ รังเกียจ รำคาญต่อสังขารความเป็นอยู่ของตน จึงปลิดปลงชีวิตตน
ให้ภิกษุด้วยกันบ้าง ให้ มิคลัณฑิกสมณกุตตกะ บ้างปลิดปลงชีวิตให้
พากันมรณภาพไปเป็นจำนวนมากมาย เมื่อพระศาสดาเสด็จออกจากการปลีกออกเร้น เห็นภิกษุทั้งหลายหายไปเป็นจำนวนมาก
จึงตรัสถามท่านพระอานนท์
และเมื่อท่านพระอานนท์ทูลให้ทรงทราบต้นสายปลายเหตุอันเนื่องมาจากการปฏิบัติอสุภกัมมัฏฐาน..จึงทรงรับสั่งให้
เรียกประชุมสงฆ์ขึ้นอย่างเร่งด่วน.
(๑๖๕) ลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าสู่อุปัฏฐานศาลาประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ที่จัดไว้ถวายแล้ว
รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
"ภิกษุทั้งหลาย!
แม้สมาธิในอานาปานสตินี้แล
อันภิกษุอบรมทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นคุณสงบ
ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วๆ
ให้อันตรธานสงบไปโดยฉับพลัน
ดุจละอองและฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นในเดือนสุดท้ายฤดูร้อน
แล้วมีฝนใหญ่ที่ตกสมัยมิใช่ฤดูกาล
ย่อมยังละอองและฝุ่นนั้นๆ
ให้อันตรธานสงบไปได้
โดยฉับพลัน ฉันนั้น"
"ภิกษุทั้งหลาย!
ก็อานาปานสติสมาธิ
อันภิกษุอบรมอย่างไร
ทำให้มากอย่างไร
จึงเป็นคุณสงบ ประณีต
เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วๆ
ให้อันตรธาน
สงบลงไปฉับพลัน?"
(อานาปานสติสมาธิ
ปฏิบัติการ กลุ่มที่ ๑)
"ภิกษุทั้งหลาย
!
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
อยู่ในป่าก็ตาม
อยู่ ณ โคนไม้ก็ตาม
อยู่ในสถานที่สงัดก็ตาม
นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติบ่ายหน้าสู่กัมมัฏฐาน
ภิกษุนั้นย่อมสติ
หายใจเข้า
มีสติหายใจออก
เมื่อหายใจเข้ายาว
ก็รู้สึกว่าหายใจเข้ายาว
เมื่อหายใจออกยาว
ก็รู้สึกว่าหายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้าสั้น
ก็รู้สึกว่าหายใจเข้าสั้น
เมื่อหายใจออกสั้น
ก็รู้สึกว่าหายใจออกสั้น
...จบ ปฏิบัติการ
กลุ่มที่ ๑
ถอดความ ขยายเคล็ด ;
(๑)
ท่านพระสารีบุตร
อธิบายไว้ใน ข้อ (๓๘๘) คัมภีร์ ปฏิสัมภิทามรรค ขุททกนิกาย พระไตรปิฎก สยามรัฐ
เล่ม ๓๑/๔๕ ว่า
"จิตมั่นคงดีในวัตถุใด
สติย่อมปรากฏดีในวัตถุนั้น
สติปรากฏดีในวัตถุใด
จิตย่อมมั่นคงดีในวัตถุนั้น"
"ลมหายใจเข้า
ลมหายใจออก ชื่อว่า "วัตถุ"
สติ กับ จิต
จึงชื่อว่า "รู้เนื่องด้วยกาย (กายานุปัสสนา)"
(๒)
ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ผู้รจนาคัมภีร์วิสุทธิมรรค
แจงไว้ด้วยว่า
"อานาปานสติสมาธิ
ไม่มีอาการสงบด้วยบริกรรม หรืออุปจาร
ความว่าจำเดิมแต่กำหนดทีแรก
ย่อมสงบ และประณีต
ตามสภาวะของตนเองฯ"
หมายถึง...เมื่อกำหนดการหายใจเข้า
การหายใจออก
อย่า...บริกรรม...!!!!!!!
(๓)
ในมหาสติปัฏฐานสูตร
ได้อุปมาไว้ว่า
มีสัมปชัญญะ
ตั้งสติเฉพาะหน้า
หายใจแล้ว..
ดุจนายช่างกลึง
ผู้ฟั่นกลึงเชือกด้วยชำนาญตั้งใจกระทำต่อเชือก
...โยคีผู้ปฏิบัติการหายใจเข้า
หายใจออก...รู้จักความละเอียดและการเข้า การออกของลมหายใจตนเองได้อย่างไร แค่ไหน???!!
จึงจะเสมอกับที่ถูกอุปมาเทียบเสมอนายช่างฟั่นกลึงเชือกผู้ชำนาญ
(๔)
จากการศึกษาระบบกล้ามเนื้อที่ทรหดและแข็งแรงที่สุดของปลาแซลมอน
และปลาเทร้าส์
การใช้ออกซิเจนเพื่อการสันดาปพลังงานภายในเซลล์แห่งสรีรร่างอย่างมีคุณภาพ
เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง....
ลมหายใจเข้า
ลมหายใจออก + เลือด + น้ำดีจากตับที่ผลิตใต้ถุงน้ำดี
(๕)
ทั้ง ๔ ข้อข้างต้น
คือที่มาของคัมภีร์นวดแผนโบราณ หรือตำราว่าด้วยจิตสรีรวิภาค ที่สาบสูบไปจากการถ่ายทอดของ
บทกรรมฐานไทยอย่างสิ้นเชิง....
นักศึกษาแพทย์ต้องเรียนวิชาสรีรวิภาค
ฉันใด
ผู้ปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาก็จำเป็นต้องเรียนวิชาจิตสรีรวิภาค (ตำรานวดแผนโบราณ)
ฉันนั้น
ขออภัย.....5555555...ไม่มีนักกรรมฐานหน้าไหนได้เรียนครับ
จบ กำเนิด
อานาปานสติสมาธิ ตอนที่ ๒
Atthanij
Pokkasap
...จากกำเนิดอานาปานสติสมาธิ...ชัดเจน ว่าอานาปานสติ...คืออาวุธแห่งธรรมในการประหารบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วทั้งหมดที่เป็น หลักการข้อที่ ๑..ปหานปธาน ในสัมมาวายามะ..ความเพียรชอบ !!!
...ลมหายใจที่มีระเบียบวินัย..จะทำให้อายุยืนเท่าที่อยากมีชีวิตอยู่ ที่พระพุทธเจ้ายืนยันคือ ๑ มหากัป
เทคนิคเรียกว่า อิทธิบาท ๔ แล้วก็จะแข็งเป็นผู้ทรงฤทธิ (ฌานวิสัย)...
...ท่านพระปิณโฑลภารทวาช (Pindolabharadvaja) เมื่อบรรลุธรรมแล้ว
ได้เดินออกมาที่หน้ากุฏิของท่านบันลือสีหนาท
กระหึ่มดังไปทั้งสามโลกว่า..
"ผู้ใดสงสัยในธรรม
จงถามเรา!!!"
...อสีติสาวกผู้มีชื่อเสียงในการบรรลือสีหนาทสมัยพุทธกาล
มี ๒ ท่าน คือ
(๑) ท่านปิณโฑลภารัทวาช (ปินท่อล้อ
๑ ในรูปหล่อ ๑๘ อรหันต์ตึกตักม้อ
ของวัดจีน)
(๒) ท่านจุลปันถก (จูเต้หรือจูหลี
ปันโต้วเกีย ๑ ในรูปหล่อ ๑๘
อรหันต์ตึกตักม้ออีกเหมือนกัน)
...ทั้ง ๒ ท่าน เป็นผู้ชำนาญในการใช้อานุภาพแห่งฤทธิ์ปกป้องพระศาสนา
ครับ.
...บรรลือสีหนาท
เป็นวิชาสิงโตคำราม (ไซจื้อฮ่อ) ในจินตนิยายากำลังภายในของจีน
...เวลาภายใน (Subjective
Time) เวลาภายนอก (เวลาที่ใช้ทั่วไป) สัมพันธ์กันเหมือน
ธาตุดินภายใน
กับธาตุดินภายนอก (ปรากฏการณ์ของแข็ง) ..รวมไปถึงจิตสรีระวิภาค ที่มาของ
อำนาจมหาโลภแห่งโลภะของตัณหา
และ มหาปัญญาแห่งการหลุดพ้น
ต้องอธิบายด้วย
ปรากฏการณ์พลังงานนิวเคลียร์จึงจะตรงกับที่พระพุทธศาสนาค้นพบ...ไม่มีหน้าไหนเรียน..จริง-จริง
...เพราะการค้นพบทางทฤษฎีควอนตัมสัมพัทธภาพ
...จะทำให้เราเข้าถึงปาฏิหาริย์ต่างๆทั้งหมดของพระพุทธศาสนาแบบวิทยาศาสตร์ได้..แล้วนำมาพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต
โดยถีบเทคโนโลยีกาฝากในปัจจุบันของพวกสิ้นคิดให้กระจุยไปได้
อย่างเด็ดขาดอีกด้วย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment