Breaking Dharma PART 43...!!!
....
วุ่นวายวันนี้
.ทังวัน พอแล้ว..
มาเพาะ.เมล็ดพันธุ์พืช
แห่งธรรมกันเถอะ..!!!...
ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนพันธุ์อ้อยก็ดี
พันธุ์ข้าวสาลี
ก็ดี
พันธุ์ผลจันทน์
ก็ดี
บุคคลหมกไว้
ในดินที่ชุ่มชื้น
รสดิน
รสน้ำ ที่เมล็ดพันธุ์พืช ถือเอาทั้งหมด ย่อมเป็นไป เพื่อความเป็น ของหวาน น่ายินดี
น่าชื่นใจ
ข้อนั้น
เพราะเหตุไร ?
เพราะ
พืช (มีเมล็ด) พันธุ์ดี ฉันใด
กายกรรม
ที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฐิ ๑
วจีกรรม
ที่สมาทานให้บริบูรณ์ ตามทิฐิ ๑
นโมกรรม
ที่สมาทานให้บริบูรณ์ ตามทิฐิ ๑
เจตนา
๑
ความปรารถนา
๑
ความตั้งใจ
๑ สังขาร ๑
ของบุคคลผู้มีความเห็นชอบ
ธรรมทั้งหมดนั้น
ย่อมเป็นไป เพื่อ ผล ที่น่าปรารถนา
น่าใคร่
น่าชอบใจ
เพื่อประโยชน์
เกื้อกูล เพื่อความสุข
ข้อนั้น
เพราะเหตุไร
เพราะ
ทิฐิ อุดมดี ฉันนั้น
เหมือนกันกับ
พืช (มีเมล็ด) พันธุ์ดี นั้นแล ฯ
จาก
ข้อ (๑๙๐) เอกธรรมแห่งบาลี เอกนิบาต อังคุตตรนิกาย
ไตรปิฎก
สยามรัฐ เล่ม ๒๐ /๔๕
กายกรรม
มี ๓ คือ ปาณาติบาต (ฆ่า,ทำลายชีวิต), อทินนาทาน (ลักทรัพยฺ์)
และ
กาเมสุมิจฉาจาร (ประพฤติผิดในกาม)
วจีกรรม
๔ คือ มุสา (พูดโกหก), ปิสุณา (พูดส่อเสียดให้เกิดความแตกแยก),
ผรุสวาท (พูดคำหยาบ),
และสัมผัปปลาปะ (พูดเพ้อเจ้อ)
มโนกรรม
มี ๓ คือ อภิชฌา (เพ่งอยากได้ ,อยากเป็น), พยาบาท (คับแค้น ขัดเคือง คิดร้าย)
และมิจฉาทิฏฐิ (มีความคิดเห็นผิดทำนองคลองธรรม)
Atthanij Pokkasap สาธยาย จาก ขอนแก่น
22:04 น. ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ วันพุธ ที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖
...ปัจจุบัน..ชอบเอา
มิจฉาทิฏฐิ ไปมั่วกับ อวิชชา...
...ยังมีอีกหลายคน
ไม่รู้จัก โสดาบันขวดเหล้าเดินได้..เจ้าสรกานิศากยบุตร...!!!
แล้วก็
เขมกะมาณพ ผู้อธิษฐานมาเกิดขอเป็นชู้เมียชาวบ้านชาวเมือง....
เหตุเพราะ
พระ..ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง...ไม่มีหลักในการศึกษาพระไตรปิฎก....หนักข้อถึงขนาดลบหลู่พระไตรปิฎกด้วย..
...เพราะเรา..ถูกครอบด้วยศาสนาพุทธแบบปิด...ทั้งที่เนื้อหาของพระพุทธศาสนาในพระไตรปิฎก..นั้น..ยิ่งๆๆกว่า
ที่มหายานแบบจีนตีความเยอะมาก...
คือ
ธรรมส่วนไหน ไม่ตรงกับความเชื่อของตัวอาจารย์ อาจารย์นั้นก็จะปิดบัง และบิดเบือน
..วิธีการของธรรมกาย มันก็เลียนแบบมาจาก อาจารย์ใหญ่ๆ
ดังๆก่อนหน้าทั้งสิ้น...ไม่เกินกันครับ.
...พฤติกรรมพวกนักบวชที่ผ่านมาและกำลังเป็นอยู่
เกินกำลังจะวิจารณ์ และเกินกำลังด่าด้วยประการทั้งปวง...นอกจากสรุป..พฤติกรรมเลียนแบบตามๆกันมาทั้งสิ้น..เหยียบไหล่ตามกันขึ้นมาเป็นรุ่นๆ...ไม่เกินกันทั้งสิ้น...
...การละเมิดนักบวชผู้ทรงศีล
ไม่หนักหนาสาหัสแต่อย่างใด
เพราะผู้ทรงศีลก็ลงนรกอเวจีได้
(ตัวอย่างพระกปิละ
..ผู้ทำศาสนาของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสื่อมสูญ ต้องไปอยู่อเวจี พ้นโทษจากนรกอเวจี มาเป็นปลา มีเกล็ดเป็นทอง..เพราะมีศีลอยู่..แต่ปากเหม็นเน่าไปเจ็ดคุ้งน้ำ
แล้วก็ดิ้นฟาดศรีษะตนตายไปอเวจี คืนอีก)
แต่การละเมิดผู้ทรงฌาน (ฌานวิสัย)
หรือพระผู้ได้สมาธิตามเป็นจริง นรกถามหาทันตาเห็น
และเป็นกรรมติดตัว ไปทุกภพทุกชาติครับ
ผมจึงรับศรัทธาที่จะสอนเรื่องสมาธิ
มากกว่า แต่ศีลที่เป็นฐานสมาธิตามเป็นจริง ก็จะเน้นด้วย
ไม่ใช่ศีลที่สมาทานแล้วไม่นำไปสู่การขวนขวายการฝึกสมาธิ..ศีลนั้นก็เปล่าประโยฃน์
ครับ
ที่วัดอุโมงค์
ผมเห็นเปรตพระ จีวรไหม้ไฟ หลายตน มีกายเป็นสีทองสุกปลั่ง...นั่นเพราะทรงศีล
แต่ไม่ทรงสมาธิ....
...ฆราวาสผู้บรรลุ
อนาคามี เช่นท่าน จิต คฤหบดี โยมคนแรกของท่านพระมหานามะ
๑ ใน ๕ ปัญจวัคคีย์ เคยถูกพระสุธรรมด่าแดกดันเข้าให้ ความทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระศาสดา รับสั่งให้ไปขอขมาเลย...ไม่ไป..
พระศาสดาต้องตั้งคณะสงฆ์ขึ้น (กรรมาธิการพิจารณาความผิด) สวดระบุโทษ หมดวิหาร
พระสุธรรมไปขอขมา...
ครั้งที่หนึ่ง จิตคฤหบดีไม่อดโทษให้ จนทราบว่าเป็นรับสั่งจากพระศาสดา จิตคฤหบดี จึงอดโทษให้...พระไม่เอามาถ่ายทอดเลย..
...เรื่องราวเหตุการณ์เหล่านี้ที่มีในพระไตรปิฎกสามารถนำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันได้...หลายอย่างจึงท้าทายศรัทธาและสติปัญญาของชาวพุทธโดยตรงเลย...
...เป็นหน้าที่พระ มากกว่าเป็นหน้าที่ฆราวาส..แต่
สนง.องค์กรรัฐที่ผูกขาดอำนาจบริหารจัดการพระพุทธศาสนา
ตรงนี้ เป็น
ดร.ทางพุทธศาสตร์เต็ม
สนง....ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับธรรมที่สอดคล้องเหตุการณ์
...จีนเรียก ซี่ ปัง
เท้า..หัวสี่เหลี่ยม..โง่ดักดานมา ก็โง่ดักดานไป...ขวางความเจริญธรรมของสังคมด้วย...
สำหรับประเทศไทย...
ปริญญา
เป็นใบให้มีสิทธิพิเศษมากกว่า คนไม่มีใบ ปริญญาเท่านั้น
ปริญญา
ไม่ใช่ความรู้...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment