การสอนให้เข้าถึง "สัญลักษณ์
ทั้ง ๔"
ขั้นที่ ๑. การทำความรู้ความเข้าใจเรื่อง
"ภาชนะแห่งคำสอน" หมายถึง มัณฑละ (มณฑล) หรือ Mandala เป็นการฝังจิตฝังใจกับเส้นสายทางเรขาคณิตของปรากฏการณ์
จุติ-อุบัติของจักรวาล...
...ธิเบตไม่มีรายละเอียดเรื่องนี้...แต่สยามมี นั่นคือ "คัมภีร์ปถมัง" และ"คัมภีร์สุริยยาตร์ " เป็นคำนวณวิถีโคจรดวงดาวของระบบสุริยจักรวาลในจิต.....ธิเบตรู้แต่ตอนปลายที่ให้ทำลายกรอบนอกของวงแห่งแสงสว่างไปเรื่อยๆจนกว่าจะบรรลุใจกลางของแสงสว่าง..
...แสงสว่าง...ในขณะฝึกจิต
จะเป็นแสงประกอบรูป ในแต่ละระดับไม่เหมือนกัน....ธิเบตรู้คำอธิบาย แต่ไม่มีคัมภีร์พื้นฐานเกี่ยวกับแสงสว่าง (ทิวะ) ที่หมายถึง
เทพ....สยามรู้แต่ภาคคำนวณ ไม่รู้ความหมายของเทพ ตามลักษณะแสงสว่าง....
(จะมีรายละเอียดปลีกย่อยอธิบายอีกต่างหาก) เมื่อให้อธิบายรายละเอียด ธิเบตเลยเพี้ยนไป เป็น "กิริยาโยคะ" คือขั้นที่ ๑ นี้
ลามะอาวุโสที่จะพูดเรื่องนี้รู้เรื่อง คือ ลามะอาวุโสสายนิกาย กาศยะปะ และ ฆะยุดปะ
เท่านั้น
ญิงมะปะ(หมวกแดง) จะรู้แต่ที่สูงไปกว่านี้
ขั้นที่ ๒. จริยาตันตระ จะถูกนำไปผนวกกับขั้นที่
๑ คือ กิริยาตันตระเป็นเรื่องของศีล (อธิปไตยศีล ๓ คือ โลกาธิปไตยศีล, อัตตาธิปไตยศีล และ
ธรรมาธิปไตยศีล ซึ่งทั้งสยามและธิเบตไม่รู้จักเลย แต่ไปปรากฏอยู่ในคัมภีร์วิมุตติมรรคของศรีลังกา แต่ศรีลังกาไม่รู้วิธีประยุกต์ใช้เลย!!!) เป็นหน้าที่เกี่ยวกับสังคม..ของพระพุทธศาสนาดังที่ท่านมานิแห่งบาบิโลนสัมผัสเห็นอย่างลึกซึ้งสูงส่ง
นั่นคือหน้าที่พลเมืองและความรับผิดชอบต่อการเมืองการปกครอง ที่มีแต่คณะภิกษุราชนิกูล ๘
ราชวงศ์แห่งวัชชีบุตรเท่านั้นที่รู้ลึกซึ้งแล้วถ่ายทอดสู่ลูกศิษย์ สายตรง!!!
เท่านั้น
วงศ์กษัตริยราชวงศ์ศกะ
ราชวงศ์ปาร์เธียน และ ราชวงศ์พระร่วง สามสายเท่านั้นที่ได้รับการถ่ายทอด ทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ชี้นำการเมืองกษัตริย์โบราณนอกสายดังกล่าวนี้ออกไปแล้ว
...ไม่มีใครรู้เลย...ว่าทำไมกฏมณเฑียรบาลของสยามแต่โบราณจึงต้องให้ราชาที่ขึ้นครองราชย์ต้องนับถือพระพุทธศาสนา
เท่านั้น!!!
...เมื่อโง่ต่อมา
ก็จงโง่ต่อไป....พระพุทธศาสนยิ่งใหญ่เกินกว่าจะให้ความโง่เหล่านี้มาทำลาย....!!!!
ขั้นที่ ๓. คือ โยคะตันตระ
ขั้นที่ ๔. คือ
อนุตตรโยคะตันตระ
...ขั้นที่ ๓. และขั้นที่ ๔. เป็นเรื่องของ
"สจิตฺตปริโยทปนํ ขั้นสูงของพระพุทธศาสนา" โดยตรง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์...หลังจากสิ้นสมัยพุทธกาลมาแล้ว...พระพุทธศาสนาที่มีพระภิกษุบรรลุอรหันต์อย่างต่อเนื่อง มีเพียงสายเดียวเท่านั้น คือ พระพุทธศาสนานิกายสรรวาสติวาท...
ท่านพระอุปคุต ท่านพระนาคเสน
ท่านพระมาลัย เป็นอรหันต์ในสายนิกายสรรวาสติวาททั้งสิ้น....
...นับจากโยคะตันตระ ขั้นที่
๓.มา...พระโยคาจารและสัทธาวิหาริกจะต้องรับรู้และทำความเข้าใจเรื่อง
"แสงสว่าง" หรือ
ทิวะ-เทวา อันเป็นคุณวิเศษแห่งองค์ธรรมที่พระศาสดาตรัสไว้ดีแล้ว ตัวอย่าง...
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นรูปสัญลักษณ์ในแสงสว่างฝ่ายพระมหากรุณา...ฌานิพุทธ
พรหมวิหารธรรมสมาบัติขั้นรูปฌานที่ ๒
ของพระพุทธเจ้า
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ เป็นรูปสัญญลักษณ์...พระมหาปัญญา
พระวัชรปาณิโพธิสัตว์ เป็นรูปสัญลักษณ์...พระมหาพลัง(นารายณพล)
พระวัชรสัตว์โพธิสัตว์ เป็นรูปสัญลักษณ์...พระมหาวิสุทธิคุณและ...
พระตาราโพธิสัตว์ เป็นรูปสัญลักษณ์...โพธิกิริยา หรือ
สัมโพธิญาณ....
...ผม ""ผู้ถ่ายทอดนี้
จัดอยู่ในส่วนของผู้เกี่ยวข้องกับ
ภาคอวตารของ
พระตาราโพธิสัตว์.....ครับ!!!
...รายละเอียดในภาคปฏิบัติของพุทธตันตระ
ที่รวมหลักฐานทั้งจากธิเบต สยามและศรีลังกา
โดยมีพระไตรปิฎกเถรวาทฉบับหลวงของสยามรัฐเป็นกรอบแห่งการเปรียบเทียบทยอยถ่ายทอดให้กันและกันแล้วนะครับ...…แสงสว่างและรูปนี่ พระพุทธเจ้าท่านพูดหัวข้อไว้ให้กับท่านพระอนุรุทธะ,
ท่านพระภัททิยะและท่านพระกิมพิละ ตอนปลีกตัวไปจำพรรษาอยู่กะช้างปาลิไลยกะกับลิง...แล้วเสด็จผ่านคณะท่านพระอนุรุทธะที่กำลังมุมานะเร่งสมณธรรมสายตาทิพย์กันอยู่...ขั้นตอนการเห็น-สัมผัสรู้-สัมผัสเห็นนี้แหละ
ที่ถูกนำไปขยายรายละเอียดในพุทธตันตระ...
...พระโพธิสัตว์คิอบุคลาฐิษฐาน พระวิสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ
ของพระพุทธเจ้า ครับ เป็นรูปสัญลักษณ์ขององค์ธรรมแต่ละขั้นๆ ที่เมื่อปฏิบัติเข้าสู่กระแสธรรมจริงๆจะต้องเผชิญ...อย่างพระพุทธเจ้าก่อนได้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังต้องเผชิญศึกกับพญามาร แล้วมีเทพธิดาวสุนทรา(แม่ธรณี) ปรากฏตัวเป็นประจักษ์พยานการเผชิญหน้าเลย ซึ่งเป็นการเล่าอย่างรวบรัดมาก...ขั้นตอนของจิตในกระแสธรรมละเอียดยิบเหมือนภาพฝันเนื้อหามหาศาลแต่เกิดขึ้นเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที
..ที่เราจำกันไม่ค่อยได้ ก็เพราะเวลาสั้นมาก...
…เป็นองค์ธรรมตามลำดับวิถีมรรค
ที่ก่อนจะไปสิ้นสุดที่ "ผู้ใดเห็นธรรม
ผู้นั้นเห็นพระตถาคต" เป็นปริโยสานน่ะครับ....…บทนี้
ทำให้ปรากฏครั้งแรกโดย อรหันต์เยาวชน...ท่านพระวักกลิ แล้วตามมาอีกหลายร้อยหลายพันท่าน...ครับ
ในสายพุทธตันตระ
อธิบายเหมือนเราเดินทางไกลแล้วต้องผ่านเมืองนั้นบ้านนี้...องค์ฑากิณี ยิดัม(สูงสุด
คือเหวัชระ) และพระโพธิสัตว์นับหมื่นพระองค์ล้วนอยู่ในเส้นทางปฏิบัติธรรม (ที่ถูกต้อง) นี้ทั้งสิ้น ปฏิบัติผิดก็ไม่เห็น.....เป็นประสบการณ์ยืนยันธรรมจริงๆที่พุทธตันตระได้สาระส่วนนี้ไปน่ะครับ..
...เหมวัชระ
ทีปรากฏในรูปลักษณ์ดุร้าย ผมถนัดองค์นี้มาก เพราะได้มาแล้วปรากฏ...ในขณะฝึกหนัก
...พวกจริตโทสะ
..ธรรมะสายกราดเกรี้ยวนี้...จะมาในทางสายนี้ทั้งหมด....สายราคะจริต โมหะจริต รับไม่ไหวหรอก...
...อย่าดูถูกวาสนาตัวเอง การนั่งสมาธิมีขั้นตอนฝึกอยู่...นั่งนานไม่นานอยู่ที่เทคนิคที่เหมาะกับจริต
ครับ...รักที่จะเฝ้ารอใครสักคน ยังทนนั่งท่าเดียวเป็นวันเลย..สมาธิถ้าถูกจริต ก็นั่งได้เป็นวันเป็นคืนเหมือนกัน...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment