Breaking Dharma PART 17...!!!
....
องค์ประกอบบุญที่สำเร็จ
ตามปรารถนา;
(๑)
บุญทันตาเห็น (ทิฏฐธัมมเวทนีย์) ท่านเรียกว่า ***สัมปทา ๔*** ประกอบด้วย ;
๑.
วัตถุสัมปทา มีบุคคลผู้เป็นทักขิไณยบุคคล
คือ พระอรหันต์ หรือพระอนาคามี ซึ่งเข้านิโรธสมาบัติได้ (ท่านเหล่านี้จะเข้าสมาบัติ
๗ วัน ๗ คืน แล้วออกจากสมาบัติเพื่อเอาอานิสงส์สมาบัติ
เป็นบุญทันตาเห็นไปให้ผู้มีโอกาส ผู้ทำบุญทานถวายอาหารท่านในวันนั้นจะได้อานิสงส์ใหญ่ภายในวันนั้นเอง)
๒.
ปัจจัยสัมปทา ปัจจัยที่จะถวาย
ทักขิไณยบุคคลในข้อ (๑) นั้น ต้องเป็นสิ่งของที่ได้มาโดยชอบธรรมด้วย
๓.
เจตนาสัมปทา...ทานในข้อสองที่ถวายให้ข้อหนึ่ง เกิดจากเจตนาที่รู้ (ญาณ) คืออิ่มใจในข้อ ๑ และข้อ ๒ ตั้งแต่ก่อนให้ กำลังให้ และให้แล้ว....
๔.
คุณาติเรกสัมปทา หมายถึงผลกุศลกรรมของทักขิไณยบุคคลในข้อ (๑)
ที่ออกจากสมาบัติ
บุคคลตัวอย่างสมัยพุทธกาลที่ท่านบันทึกไว้ในคัมภีร์
มี ๗ ท่าน คือ
๑.
นายสุมน มาลาการ ท่านนี้ถวายดอกมะลิที่จะต้องเอาไปส่งวัง
แต่ยอมรับโทษประหารไม่นำถวายส่ง หากแต่เอามาบูชาพระพุทธเจ้าที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติและกำลังเสด็จบิณฑบาต
ราชาเลยประเคนรางวัลให้มหาศาล และชาติภพสุดท้ายจะบรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
๒.
เอกสาฎกพราหมณ์ ท่านนี้ยากจนมาก มีผ้าผืนเดียว ผลัดกันนุ่งกะเมีย ผลัดกันมาฟังธรรม
ฟังธรรมบรรลุถอดผ้านุ่งถวายพระพุทธเจ้าเลย พระเจ้าปเสนทิโกศลเลื่อมใสในศรัทธาและ
การบรรลุธรรมนั้น จึงถวายทรัพย์ยกย่องไว้อย่างยิ่งใหญ่
๓.
นายบุณณะ ลูกจ้าง...
๔.
มัลลิกากุมารี..สาวน้อยวัย ๑๖ ปี ถวายดอกมะลิ (จำไม่ได้
ว่าจะเป็นท่านพระมหากัสสปะหลังจากออกจากนิโรธสมาบัติ...?) ได้เป็นอัครมเหสีพระเจ้าปเสนทิโกศลในวันนั้นเลย
๕.
โคปาลมาตาเทวี
๖.
สุปปิยอุบาสิกา
๗.
นางปุณณทาสี
ส่วนบุญที่ทำให้เกิดเป็นสวรรค์ชั้นต่างๆ
คือคุณภาพของอานิสงส์แห่งบุญ อยู่ใน
"ทานสูตร" ข้อ (๔๙) สัตตกนิบาต
อังคุตตรนิกาย ไตรปิฎก เล่ม ๒๓/๔๕ เล่าโดยสรุปคือ....
๑.สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา...เกิดจากบุญทานที่ถวายหรือให้แล้ว มีจิตผูกพันกับการถวายการให้นั้นๆ
๒.สวรรค์ชั้นดาวดึงส์...เกิดจากบุญทานที่ถวายหรือให้แล้ว ไม่มีจิตผูกพัน ไม่มุ่งสั่งสม แต่ให้เพื่อสร้างเป็นประเพณี (ปฏิวัติวัฒนธรรม)
๓.สวรรค์ชั้นยามา...เกิดจากบุญทานที่ถวายหรือให้แล้ว
ก็ไม่ได้ผูกพันว่าดีหรือเลว แต่ถือตามประเพณี (ให้ตามประเพณี)...ให้ตามหน้าที่ตามความเชื่อของสังคม...
๔.สวรรค์ชั้นดุสิต...เกิดจาก..ให้ตามประเพณี..ตามรักษาประเพณี
เอื้อเฟื้อเพื่อให้ประเพณีดำรงมั่นอยู่ในสังคมมนุษย์
๕.นิมมานรดี...อันนี้คือ
ที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นคาถาในธรรมบทเบรคที่ 16 คือมีปัญญาจำแนกแจกบุญ จำแนกแจกทาน เหมือนทำนาเลือกที่นาเป็นพวกมนุษย์ออกแบบสร้างสังคม...
๖.ปรนิมมิตตวสวัตดี...อันนี้ทำบุญถวายทานไม่สนใจที่จะจำแนก...แต่ให้เพื่อสร้างปีติสร้างความปลาบปลื้มปราโมทย์แก่จิต..ให้เพื่อให้จิตฟูฟ่องเกิดปีตินำไปสู่การมุ่งมั่นปฏิบัติสมาธิ...
๗.พรหม....ไม่มีอุเบกขาครับ
ระดับนี้ มีแต่เมตตาและกรุณา ให้และช่วยเกือกูลศีล เกื้อกูลธรรมถือเป็นเครื่องปรุงแต่งให้เกิดสมาธิสูงยิ่งๆขึ้น
สามขั้นสุดท้ายนี้เป็นเรื่องบุญทาน
ที่เป็นองค์ประกอบการฝึกจิตให้ได้สมาธิที่ชัดเจนมากครับ.
เพราะ.....ขอบเขตชายแดนสูงสุดของบุญทาน
เป็นเรื่องของ...สจิตฺตปริโยทปนํ
...เพื่อการสำเร็จอย่างเร่งด่วนโดยตรง...!!!
...มีคำอธิบายอานุภาพแห่งจิตที่สำเร็จอานิสงส์
เป็นทั้งบุญ
ทั้งทานและยิ่งใหญ่กว่าทั้งบุญและทั้งทาน
อยู่ในท้ายเรื่อง ท่านพระโสไรยเถระ (จากชายเป็นหญิงแล้วกลับเป็นชายในชาติๆเดียว)
ดังฉะนี้ครับ....
...จริงอยู่
มารดาบิดา เมื่อจะให้ทรัพย์แก่บุตรทั้งหลาย ย่อมอาจให้ทรัพย์สำหรับไม่ต้องการทำงาน แล้วเลี้ยงชีพโดยสบายในอัตภาพเดียวเท่านั้น (ให้ได้แค่ชาติเดียว)...
แต่ว่า
จิตที่ตั้งไว้ชอบแล้ว ย่อมอาจให้สมบัติแม้ทังหมดได้!!!
(หมายถึง
สมบัติและความเป็นจักรพรรดิราชที่สูงสุดในความเป็นโลกียสมบัติ
รวมไปถึง โลกุตตรสมบัติด้วย...จิตที่ฝึกมาดีแล้วให้ได้หมด แม้แต่ทรัพย์ที่ความฝันก็ฝันไปไม่ถึง...จิตก็ให้ได้ครับ!!!)
...ความยิ่งใหญ่ของจิตที่ฝึกมาดีแล้ว...
…ดอกมะลิจะเป็นของพระราชาเมื่อพระราชาจ่ายตังค์แล้วครับ...มีหน้าที่เอาไปส่งทุกวันก็จริง...แต่ก็รับตังค์ทุกวันเหมือนกัน
ไม่ได้เหมาแต่เป็นรับสั่ง...รวมๆ...
ของมัลลิกากุมารี ก็ประมาณนี้…พอพระราชาปเสนทิโกศลสอบถาม...ก็ชื่นชม...ไม่ใจแคบจนเกิดกติกาอย่างทุกวันนี้...(ว่ารับสั่งแล้วก็ต้องเป็นเจ้าของ คือเหมาไว้แล้ว ทั้งที่ยังไม่จ่ายตังค์) แสดงว่ากติกาแบบวิญญูชนคนโบราณชัดเจนกว่ามาก...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment