Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Friday, December 30, 2016

12.Breaking Dharma PART 12






Breaking Dharma PART 12...!!!
....





อุบาสก จู้จี้ ขี้ด่า ประจำพุทธกาล



ณ มหาวิหารเชตวัน พระนครสาวัตถี...
มีโยมกลุ่มใหญ่ กลุ่มหนึ่ง ประมาณ ๕๐๐ คน มีหัวหน้ากลุ่ม ชื่อ อตุละ (พราหมณ์อดุล) ชอบฟังธรรม แต่ไม่เคยพอใจธรรมของของพระอสีติสาวกองค์ใดเลย
ดู เนื้อหา ตามสำนวนบาลี นะครับ...


ความพิสดารว่า อตุละ นั้น เป็นอุบาสกชาวกรุงสาวัตถี มีอุบาสกเป็นบริวาร ๕๐๐ คน วันหนึ่ง พาพวกอุบาสกเหล่านั้น ไปวิหารเพื่อต้องการฟังธรรม ใคร่จะฟังธรรมในสำนักพระเรวตะเถระ พากันไปแล้ว ไหว้พระเถระแล้วนั่ง...

ก็ท่านผู้มีอายุเรวตะเถระนั้น เป็นผู้ยินดีในการหลีกเร้น เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนราชสีห์
ฉะนั้น ท่านจึงไม่กล่าวอะไรกับอุบาสกนั้น..

อุบาสกอตุละโกรธแล้ว ว่า "พระเถระนี้ ไม่กล่าวอะไร" 

จึงลุกพากันไปยังสำนักพระสารีบุตรเถระ ไหว้พระเถระแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนที่ควรข้างหนึ่ง

พระสารีบุตรเถระกล่าวว่า "พวกท่านทั้งหลายมาเพื่อต้องการอะไร?"

พราหมณ์อดุล ตอบท่านว่า "ท่านขอรับ ผมพาอุบาสกเหล่านี้ เข้าไปหาพระเรวตะเถระ เพื่อต้อง
การฟังธรรม พระเถระไม่กล่าวอะไรแก่พวกผมทั้งนั้นเลย ผมนั้นโกรธท่าน จึงมาที่นี่
ขอท่านจงแสดงธรรมแก่พวกผมเถิด"

ลำดับนั้น พระเถระ กล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงนั่งเถิด อุบาสกทั้งหลาย"

แล้วท่านพระเถระก็แสดง อภิธรรมกถาอย่างมากมาย

อุบาสก อตุละโกรธอีกว่า "ชื่อว่าอภิธรรมกถา ละเอียดยิ่งนัก สุขุมยิ่งนัก พระเถระแสดงพระอภิธรรมอย่างเดียวมากมาย พวกเราต้องการอะไรด้วยกับพระอภิธรรมนี้"

จึงพากันผลุดขึ้นยืนไหว้ลาพระเถระแล้วยกขบวนไปยังสำนักท่านพระอานนท์เถระ

ท่านพระอานนท์เถระถามสาเหตุ พราหมณ์อดุล ก็เล่าถึงความโกรธที่มีต่อท่านพระเถระก่อนหน้าทั้งท่าน
พระเรวตะเถระ และท่านพระสารีบุตรเถระ แล้ว จึงขอท่านพระอานนท์เถระว่า
" ขอท่านจงแสดงธรรมแก่พวกผมเถิด ขอรับ"

ท่านพระอานนท์บอกว่า " ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงนั่งฟังเถิด"

ท่านพระอานนท์แสดงธรรมแก่พวกเขาแต่น้อยๆด้วยหวังว่าจะทำให้เข้าใจง่ายๆ

พราหมณ์อดุล และคณะ ๕๐๐ โกรธอีก ไม่ไปหาพระเถระท่านไหนอีกแล้ว มุ่งไปสำนักพระศาสดา พากันถวายบังคมแล้ว นั่งลง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง  ลำดับนั้น พระศาสดา ตรัสกะพวกเขาว่า 
"อุบาสกทั้งหลาย พวกท่านมาทำไมกัน

พวกอุบาสกกราบทูลพร้อมกันว่า "เพื่อต้องการฟังธรรม พระเจ้าข้า"

คณะอุบาสก ๕๐๐ ที่มีพราหมณ์อดุลเป็นหัวหน้าได้ทีฟ้องใหญ่เลยว่า...

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  เบื้องต้น ข้าพระองค์ไปหาท่านพระเรวตะเถระ ท่านไม่กล่าวอะไร กับพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์โกรธท่านแล้ว จึงเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรเถระ พระเถระนั้น ก็แสดงพระอภิธรรมแก่พวกข้าพระองค์มากมาย  พวกข้าพระองค์กำหนดอภิธรรมนั้นไม่ได้ จึงโกรธแล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์เถระ พระเถระนั้น ก็แสดงธรรมแก่พวกข้าพระองค์ น้อยนัก พวกข้าพระองค์โกรธแม้ต่อท่าน แล้ว จึงพากันมา ณ ที่นี้ พระเจ้าข้า"

พระศาสดา ทรงสดับถ้อยคำของพวกอุบาสกเหล่านี้แล้ว จึงตรัสอธิบาย และได้สรุปเป็น
คาถาธรรมบทปิดท้ายความว่า...

"อตุละ! การนินทาหรือสรรเสริญนั้น เป็นของเก่า ไม่ใช่เป็นเหมือนของที่พึ่งมีในวันนี้  ชนทั้งหลายย่อมนินทาผู้นั่งนิ่งบ้าง ย่อมนินทาผู้พูดมากบ้าง ย่อมนินทาผู้พูดพอประมาณบ้าง
ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
ผู้ถูกนินทาโดยส่วนเดียว หรืออันเขาสรรเสริญโดยส่วนเดียว ไม่ได้มีแล้ว จักไม่มี และไม่มีอยู่แม้ในบัดนี้
หากว่า วิญญูชนใคร่ครวญแล้วทุกๆวัน สรรเสริญผู้ใด ซึ่งมีความประพฤติไม่ขาดสาย
มีปัญญา ผู้ตั้งมั่นด้วยปัญญา และศีล
ใครเล่า ย่อมควร เพื่อติเตียนผู้นั้น
ผู้เป็นดังแท่งทองชมพูนุท แม้เทพยดาทั้งหลาย ก็สรรเสริญเขา
ถึงพรหม ก็สรรเสริญแล้ว."


(หมายถึง นินทาสรรเสริญเป็นของมีมานาน ไม่มีใครไม่ถูกนินทา ไม่มีใครไม่ถูกสรรเสริญ ทุกคนล้วนถูกสรรเสริญด้วย ถูกนินทาด้วย... แต่ผู้มีปัญญา วิเคราะห์แล้วสรรเสริญผู้ตั้งมั่นในศีลในปัญญาแห่งธรรมอย่างมั่นคงตามเป็นจริง ก็ไม่ควรที่ใครจะมาติเตียน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เทพยา และพรหมเองก็ยังสรรเสริญ.)


จาก เรื่อง อตุลอุบาสก โกธวรรค วรรณนา พระธัมมปทัฏฐกถาแปล ภาค ๖




...ผู้ควรแก่การยกย่องสรรเสริญโดยส่วนเดียว มีเพียงประเภทเดียวเท่านั้นในโลก และผู้ที่จะแสดงความยกย่องสรรเสริญ ก็ต้องเป็น วิญญูชน ผู้มีปัญญาแยกแยะด้วย...นอกนั้น...พวกต่ำมาตรฐานทั้งสิ้นครับ...

...อยากได้ธรรม แต่จะเอาธรรมแบบพอดีๆตามมาตรฐานของตน ใครให้ไม่ได้ดังใจก็โกรธ.. สอนแบบนี้กันเยอะอยู่เหมือนกัน....เตือนสติก็กลายเป็นไปจับผิด โกรธอีก...

...คุณค่าของผู้เข้าสู่กระแสธรรมในพระพุทธศาสนา...ถ้าศึกษาพฤติกรรมของผู้เป็นพระพุทธเจ้า..

...พระพุทธเจ้าท่านลงทุนสูงมากนะ..ทุคตะ ในสังคมเล็กๆ...แต่สามารถส่งเสริมให้เข้าสู่กระแสธรรมได้ พระพุทธองค์ท่านยอมลงทุนเดินทางไปหาด้วยหนทางไกลถึง ๓๐ โยชน์ (๕๐๐ กม.) เชียวนะครับ

..หลาย ทุคต (คนเข็ญใจ)  พระพุทธเจ้าท่านลงทุนขนาดนั้นทีเดียว  เราต้องเข้าใจคุณค่า..แม้จะต้องหาบันไดมาปีนเพื่อทำความเข้าใจก็ต้องทำครับ.



                                                                                                  ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
  

* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap


No comments: