Breaking Dharma PART 9...!!!
....
ประสบการณ์ค้นพบของพระพุทธศาสนา...
เป็น แบบ ; A
Pluralistic Worlds และ /หรือ...
.............The World of
The Interactions (วิทยาศาสตร์แห่งคริสตศตวรรษที่ 21!!!)
(พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามการกราบไหว้
บูชาเทวสถาน!!!)
...ความพิสดารว่า
พระตถาคตเจ้ามีพระสงฆ์หมู่ใหญ่เป็นพุทธบริวาร
เสด็จออกจากเมืองสาวัตถีแล้วเสด็จไปเมืองพาราณสีโดยลำดับ
ได้เสด็จถึง ***เทวสถาน***
แห่งหนึ่ง ในที่ใกล้หมู่บ้านโตไทยคาม
ในระหว่างทาง พระสุคตเจ้าได้หยุดประทับใกล้เทวสถานนั้น ทรงส่งพระอานนท์ผู้ขุนคลังแห่งธรรม (ธรรมภัณฑาคาริก)
ไปบอกพราหมณ์ซึ่งกำลังทำนาอยู่ในที่ไม่ไกลให้มาเข้าเฝ้า
พราหมณ์นั้นมาแล้ว หาได้ถวายอภิวาทแด่พระตถาคตเจ้าไม่ ไหว้แต่เทวสถาน นั้นอย่างเดียว. แล้วยืนนิ่งอยู่
พระสุคตจึงตรัสว่า
..."แน่ะ พราหมณ์ ท่านสำคัญประเทศนี้ว่าเป็นที่อะไร?"
พราหมณ์ชาวนากราบทูลว่า..
"ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพเจ้าไหว้ ด้วยตั้งใจว่า
นี้..เป็นเจติยสถานที่ต้องกราบไหว้บูชาเป็นประเพณีของพวกข้าพเจ้า."
พระสุคตตรัสว่า.."
พราหมณ์ ท่านไหว้สถานที่นี้ ได้ทำกรรมที่ดีแล้ว.".....!!!!!?
(เจตีย์ที่พราหมณ์ชาวนาถือกราบไหว้บูชา เป็นมหาเทวสถานซ้อนทับกับ เจดีย์ทองแห่งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งพุทธันดรกัปที่แล้ว
ยุคที่มนุษย์สูง
๒๐ ศอก อายุ ๒๐,๐๐๐
ปี !!!)
ภิกษุทั้งหลายได้สดับพระพุทธดำรัสที่ชื่นชมยินดีต่อพราหมณ์เช่นนั้น
จึงพากันสงสัยว่าด้วยเหตุอันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตรัสให้พราหมณ์ชื่นชมยินดีอย่างนี้...
..ลำดับนั้น เพื่อทรงปลดเปลื้องความสงสัยของภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น
พระตถาคตเจ้าจึงทรงตรัสเทศนา"ฆฏิการสูตร"
ในมัชฌิมนิกาย แล้วจึงทรงเนรมิตพระเจดีย์ทองของพระกัสสปทศพล สูงหนึ่งโยชน์ พร้อมทั้งเจดีย์ทองอีกองค์หนึ่งไว้ในอากาศ แล้วแสดงธรรมแก่พราหมณ์ถึง
***
ผู้ควรแล้วเพื่อบูชา (ปูชารหบุคคล) ๔ ประเภท *** มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น
แล้วทรงแสดงโดยพิเศษถึงพระเจดีย์
๓ ประเภท คือ สรีรเจดีย์ ๑ อุททิสเจดีย์ ๑ ปริโภคเจดีย์ ๑
ครั้นแล้วทรงภาษิตพระคาถาว่า...
..ใครๆไม่อาจจะนับบุญของบุคคลผู้บูชาอยู่ซึ่งผู้ควรบูชา
คือพระพุทธเจ้า หรือว่าพระสาวกทั้งหลายด้วย
ผู้ก้าวล่วง ปปัญจธรรม (ธรรมเครื่องเนิ่นช้า) ได้แล้ว
ผู้มีความเศร้าโศรก
และความคร่ำครวญอันข้ามพ้นแล้ว
ของบุคคลผู้ซึ่งบูชาอยู่ซึ่งท่านผู้ควรบูชาเช่นนั้น
เหล่านั้น
ผู้นิพพานแล้ว
ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ด้วยการนับ แม้วิธีใดๆก็ตาม
ว่า บุญนี้
มีประมาณเท่านี้ ดังนี้.
(..ท้าวสักกเทวราชสรุปต่อว่า...เมื่อพระสัมพุทธเจ้า
ยังทรงพระชนม์อยู่ก็ดี นิพพานแล้วก็ดี
การบูชาด้วยความเลื่อมใสแห่งใจ ย่อมให้ผลแก่สัตว์ผู้บูชาเสมอกัน เท่ากัน.)
..พระเจดีย์ทองของพระกัสสปทศพลสูงหนึ่งโยชน์
ตั้งเด่นอยู่ในอากาศนั้นแล ตลอด ๗ วัน ก็สมาคมได้มีแล้วด้วยบูชาเป็นอันมาก
พวกเขาบูชาพระเจดีย์ด้วยประการต่างๆ ตลอด
๗ วัน ...แล้วพระเจดีย์นั้นได้ไปสู่ที่เดิมแห่งตนด้วยพระพุทธานุภาพ ในขณะนั้น พระเจดีย์ศิลาใหญ่
ได้มีขึ้นแล้วในที่นั้น นั่นแล.
(ในอัปทาน
แห่งท่านพระลกุณฏกภัททิยะเถระ หนึ่งในอสีติสาวกผู้เลิศในเสียงไพเราะ พระอรหันต์ใหญ่ที่มีร่างกายกลมเล็กกะทัดรัด เปิดเผยว่า แต่เดิมเจดีย์ทองพระกัสสปทศพลนี้ จะต้องสูง ๗
โยชน์ แต่เพราะท่านเองที่เกิดในสมัยนั้น คือเป็น พระเจ้ากิกี
มหาราชาผู้ยิ่งใหญ่เป็นประธานในการสร้างพระเจดีย์ประกาศให้ลดขนาดลงเหลือเพียง ๑
โยชน์ เจดีย์ทองของพระกัสสปทศพลจึงสูงเพียงหนึ่งโยชน์ และผลแห่งการประกาศลดขนาดของพระเจดีย์ลง...ทุกชาติภพภายหลังกระทั่งชาติภพสุดท้ายที่เกิดในวงศ์กษัตริย์ภัททิยะ
ท่านก็เลยต้องมีร่างกายเล็กกลมเป็นที่ล้อเลียนของพระเณรแขกผู้คะนองร่วมสมัย จนพระพุทธเจ้าต้องประกาศว่า
ภิกษุสามเณรทั้งหลายอย่าไปล้อเล่นอย่างนั้น...ลกุณฏกภัททิยะเป็นอรหันต์ผู้พ้นวิเศษไปแล้ว...ควรที่พวกเธอจะปฏิบัติธรรมหลุดพ้นตามอย่าง
ไม่ใช่ล้อเลียน...การล้อเลียนรูปร่างน่ารักของท่านจึงยุติลง)
...ข้อมูลจาก เรื่องพระเจดีย์ทองของพระกัสสปทศพล พุทธวรรควรรณนา พระธัมมปทัฏฐกถาแปล ภาค ๖ และ
ลกุณฏกภัททิยเถราปทาน อัปทาน ขุททกนิกาย พระไตรปิฎก เล่ม ๓๓/๔๕
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ซ้อนทับทางมิติเวลา
แห่งกาล-อวกาศ...ต้องใช้วิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษที่ ๒๑ (The
World of The Interactions) เท่านั้นครับมาอธิบาย
แต่...วิทยาศาสตร์้ก้าวหน้า (ท.สัมพัทธภาพ) แห่งคริสตศวรรษที่
๒๐ ที่กล่าวถึง จิตวิสัยแห่งเวลา (Subjectivity of Time) และ พิกัดผู้เรียนรู้วิจัยในสถานะของ Participater...ยังรับกันไม่ได้เลย
...ยังงมงายงมโข่งอยู่กับวิทยาศาสตร์ยุคล่าอาณานิคมกันหัวปักหัวตำกันอยู่ แบบไม่เชื่อว่า
จริยธรรมเป็นเรื่องพลังงานทางวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์...การทำความเข้าใจพระพุทธศาสนาในบันทึกพระไตรปิฎก...สมกับเป็น...พระพุทธศาสนา...ศาสนาของผู้มีปัญญา
จริงๆ!!!!
...ที่ว่ารู้ธรรม ธรรมอะไรไม่ทราบครับ...ช่วยพิสูจน์ให้สังคมเลิกเป็นถ่อยสถุลด้วยสิครับ...เพราะศาสนานี้เป็นศาสนาสถาปาชาติแผ่นดินและอาณาจักรโบราณที่ยิ่งใหญ่ทั่วเอเชียนะครับ
ไม่ใช่แตกแยกยับเยินเป็นอะไรก็ไม่รู้...แล้วยังมาบอกว่าเป็นสังคมชาวพุทธ..ทุเรศน่ะครับ...
...มิติเชิงซ้อนๆๆๆๆๆๆๆๆ..ไม่จับผิดกันไม่ได้แล้ว...ก่อนที่คำสอนของพระพุทธศาสนาจะวิบัติหนักยิ่งๆขึ้น...
…คัมภีร์ไตรภูมิพระร่วง
ดึงกัณฑ์ที่ ๙ ออกมา แสดงคู่คัมภีร์สุริยยาตร์ที่เป็นภาคคำนวณ....ดวงดาวในท้องฟ้าในจิตมาตรฐาน...เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่สุด....???!
…มีข้อความตอนพระเจดีย์พระกัสสปทศพลเมื่อหายไปแล้ว
ผมยกไว้ไม่อัญเชิญมา..คือ
ประโยคว่า.. นับจากที่พระเจดีย์หายไป ความต่างแห่งความคิดของกลุ่มชนทั้งหลาย
ก็ได้บังเกิดขึ้นแล้วนับจากนั้นเอง...อยู่ด้วยจริงครับ.....มีแต่ผู้ปฏิบัติถึงเท่านั้น จึงไม่เห็นความแตกต่างในหมู่ผู้ปฏิบัติถึงด้วยกัน...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment