Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Friday, December 30, 2016

9.Breaking Dharma PART 9





Breaking Dharma PART 9...!!!
....




ประสบการณ์ค้นพบของพระพุทธศาสนา...
เป็น แบบ ; A Pluralistic Worlds และ /หรือ...
.............The World of The Interactions (วิทยาศาสตร์แห่งคริสตศตวรรษที่ 21!!!)


(พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามการกราบไหว้ บูชาเทวสถาน!!!)

...ความพิสดารว่า  พระตถาคตเจ้ามีพระสงฆ์หมู่ใหญ่เป็นพุทธบริวาร  เสด็จออกจากเมืองสาวัตถีแล้วเสด็จไปเมืองพาราณสีโดยลำดับ  ได้เสด็จถึง ***เทวสถาน*** แห่งหนึ่ง ในที่ใกล้หมู่บ้านโตไทยคาม

ในระหว่างทาง  พระสุคตเจ้าได้หยุดประทับใกล้เทวสถานนั้น  ทรงส่งพระอานนท์ผู้ขุนคลังแห่งธรรม (ธรรมภัณฑาคาริก) ไปบอกพราหมณ์ซึ่งกำลังทำนาอยู่ในที่ไม่ไกลให้มาเข้าเฝ้า   
พราหมณ์นั้นมาแล้ว   หาได้ถวายอภิวาทแด่พระตถาคตเจ้าไม่    ไหว้แต่เทวสถาน นั้นอย่างเดียว.  แล้วยืนนิ่งอยู่

พระสุคตจึงตรัสว่า ..."แน่ะ พราหมณ์  ท่านสำคัญประเทศนี้ว่าเป็นที่อะไร?"

พราหมณ์ชาวนากราบทูลว่า.. "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ   ข้าพเจ้าไหว้  ด้วยตั้งใจว่า   
นี้..เป็นเจติยสถานที่ต้องกราบไหว้บูชาเป็นประเพณีของพวกข้าพเจ้า."

พระสุคตตรัสว่า.." พราหมณ์  ท่านไหว้สถานที่นี้  ได้ทำกรรมที่ดีแล้ว.".....!!!!!?
                                                                                                                         

(เจตีย์ที่พราหมณ์ชาวนาถือกราบไหว้บูชา   เป็นมหาเทวสถานซ้อนทับกับ  เจดีย์ทองแห่งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งพุทธันดรกัปที่แล้ว   ยุคที่มนุษย์สูง ๒๐ ศอก  อายุ ๒๐,๐๐๐ ปี !!!)


ภิกษุทั้งหลายได้สดับพระพุทธดำรัสที่ชื่นชมยินดีต่อพราหมณ์เช่นนั้น   จึงพากันสงสัยว่าด้วยเหตุอันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตรัสให้พราหมณ์ชื่นชมยินดีอย่างนี้...

..ลำดับนั้น  เพื่อทรงปลดเปลื้องความสงสัยของภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น   พระตถาคตเจ้าจึงทรงตรัสเทศนา"ฆฏิการสูตร" ในมัชฌิมนิกาย  แล้วจึงทรงเนรมิตพระเจดีย์ทองของพระกัสสปทศพล  สูงหนึ่งโยชน์   พร้อมทั้งเจดีย์ทองอีกองค์หนึ่งไว้ในอากาศ    แล้วแสดงธรรมแก่พราหมณ์ถึง

*** ผู้ควรแล้วเพื่อบูชา (ปูชารหบุคคล) ๔ ประเภท ***   มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น  

แล้วทรงแสดงโดยพิเศษถึงพระเจดีย์ ๓ ประเภท  คือ สรีรเจดีย์ ๑  อุททิสเจดีย์ ๑  ปริโภคเจดีย์ ๑
ครั้นแล้วทรงภาษิตพระคาถาว่า...

..ใครๆไม่อาจจะนับบุญของบุคคลผู้บูชาอยู่ซึ่งผู้ควรบูชา
คือพระพุทธเจ้า หรือว่าพระสาวกทั้งหลายด้วย
ผู้ก้าวล่วง ปปัญจธรรม (ธรรมเครื่องเนิ่นช้า) ได้แล้ว
ผู้มีความเศร้าโศรก และความคร่ำครวญอันข้ามพ้นแล้ว
ของบุคคลผู้ซึ่งบูชาอยู่ซึ่งท่านผู้ควรบูชาเช่นนั้น เหล่านั้น
ผู้นิพพานแล้ว ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ด้วยการนับ แม้วิธีใดๆก็ตาม
ว่า บุญนี้ มีประมาณเท่านี้  ดังนี้.


(..ท้าวสักกเทวราชสรุปต่อว่า...เมื่อพระสัมพุทธเจ้า  ยังทรงพระชนม์อยู่ก็ดี  นิพพานแล้วก็ดี
การบูชาด้วยความเลื่อมใสแห่งใจ   ย่อมให้ผลแก่สัตว์ผู้บูชาเสมอกัน เท่ากัน.)


..พระเจดีย์ทองของพระกัสสปทศพลสูงหนึ่งโยชน์  ตั้งเด่นอยู่ในอากาศนั้นแล ตลอด ๗ วัน  ก็สมาคมได้มีแล้วด้วยบูชาเป็นอันมาก  พวกเขาบูชาพระเจดีย์ด้วยประการต่างๆ ตลอด ๗ วัน ...แล้วพระเจดีย์นั้นได้ไปสู่ที่เดิมแห่งตนด้วยพระพุทธานุภาพ  ในขณะนั้น พระเจดีย์ศิลาใหญ่ ได้มีขึ้นแล้วในที่นั้น  นั่นแล.


(ในอัปทาน แห่งท่านพระลกุณฏกภัททิยะเถระ  หนึ่งในอสีติสาวกผู้เลิศในเสียงไพเราะ  พระอรหันต์ใหญ่ที่มีร่างกายกลมเล็กกะทัดรัด    เปิดเผยว่า  แต่เดิมเจดีย์ทองพระกัสสปทศพลนี้ จะต้องสูง ๗ โยชน์  แต่เพราะท่านเองที่เกิดในสมัยนั้น  คือเป็น พระเจ้ากิกี มหาราชาผู้ยิ่งใหญ่เป็นประธานในการสร้างพระเจดีย์ประกาศให้ลดขนาดลงเหลือเพียง ๑ โยชน์    เจดีย์ทองของพระกัสสปทศพลจึงสูงเพียงหนึ่งโยชน์    และผลแห่งการประกาศลดขนาดของพระเจดีย์ลง...ทุกชาติภพภายหลังกระทั่งชาติภพสุดท้ายที่เกิดในวงศ์กษัตริย์ภัททิยะ  ท่านก็เลยต้องมีร่างกายเล็กกลมเป็นที่ล้อเลียนของพระเณรแขกผู้คะนองร่วมสมัย    จนพระพุทธเจ้าต้องประกาศว่า ภิกษุสามเณรทั้งหลายอย่าไปล้อเล่นอย่างนั้น...ลกุณฏกภัททิยะเป็นอรหันต์ผู้พ้นวิเศษไปแล้ว...ควรที่พวกเธอจะปฏิบัติธรรมหลุดพ้นตามอย่าง   ไม่ใช่ล้อเลียน...การล้อเลียนรูปร่างน่ารักของท่านจึงยุติลง)






...ข้อมูลจาก  เรื่องพระเจดีย์ทองของพระกัสสปทศพล  พุทธวรรควรรณนา  พระธัมมปทัฏฐกถาแปล ภาค ๖ และ ลกุณฏกภัททิยเถราปทาน  อัปทาน  ขุททกนิกาย  พระไตรปิฎก เล่ม ๓๓/๔๕
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ซ้อนทับทางมิติเวลา แห่งกาล-อวกาศ...ต้องใช้วิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษที่ ๒๑ (The World of The Interactions) เท่านั้นครับมาอธิบาย
แต่...วิทยาศาสตร์้ก้าวหน้า (ท.สัมพัทธภาพ) แห่งคริสตศวรรษที่ ๒๐ ที่กล่าวถึง จิตวิสัยแห่งเวลา (Subjectivity of Time)  และ พิกัดผู้เรียนรู้วิจัยในสถานะของ Participater...ยังรับกันไม่ได้เลย

...ยังงมงายงมโข่งอยู่กับวิทยาศาสตร์ยุคล่าอาณานิคมกันหัวปักหัวตำกันอยู่   แบบไม่เชื่อว่า จริยธรรมเป็นเรื่องพลังงานทางวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์...การทำความเข้าใจพระพุทธศาสนาในบันทึกพระไตรปิฎก...สมกับเป็น...พระพุทธศาสนา...ศาสนาของผู้มีปัญญา จริงๆ!!!!

...ที่ว่ารู้ธรรม  ธรรมอะไรไม่ทราบครับ...ช่วยพิสูจน์ให้สังคมเลิกเป็นถ่อยสถุลด้วยสิครับ...เพราะศาสนานี้เป็นศาสนาสถาปาชาติแผ่นดินและอาณาจักรโบราณที่ยิ่งใหญ่ทั่วเอเชียนะครับ  ไม่ใช่แตกแยกยับเยินเป็นอะไรก็ไม่รู้...แล้วยังมาบอกว่าเป็นสังคมชาวพุทธ..ทุเรศน่ะครับ...



...มิติเชิงซ้อนๆๆๆๆๆๆๆๆ..ไม่จับผิดกันไม่ได้แล้ว...ก่อนที่คำสอนของพระพุทธศาสนาจะวิบัติหนักยิ่งๆขึ้น...

คัมภีร์ไตรภูมิพระร่วง  ดึงกัณฑ์ที่ ๙ ออกมา   แสดงคู่คัมภีร์สุริยยาตร์ที่เป็นภาคคำนวณ....ดวงดาวในท้องฟ้าในจิตมาตรฐาน...เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่สุด....???!


มีข้อความตอนพระเจดีย์พระกัสสปทศพลเมื่อหายไปแล้ว    ผมยกไว้ไม่อัญเชิญมา..คือ ประโยคว่า.. นับจากที่พระเจดีย์หายไป  ความต่างแห่งความคิดของกลุ่มชนทั้งหลาย  ก็ได้บังเกิดขึ้นแล้วนับจากนั้นเอง...อยู่ด้วยจริงครับ.....มีแต่ผู้ปฏิบัติถึงเท่านั้น   จึงไม่เห็นความแตกต่างในหมู่ผู้ปฏิบัติถึงด้วยกัน...




                                                                                                      ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
  

* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap


No comments: