ข่าวสาร
จาก...พุทธตันตระ สยาม
ตอน...จิตสรีระร่าง..ร่างกายที่ชาวพุทธวันนี้
ไม่รู้จัก!!!
.... ....
...ชาวพุทธโบราณมีตำราจิตสรีระวิภาค
ที่ต้องเรียนรู้ก่อนฝึกกรรมฐาน อยู่ในพุทธตันตระทั้งหมด ชาวพุทธโบราณแบ่งองค์ประกอบร่างกายแบบเดียวกับวิชาฟิสิคส์
โดยเฉพาะ จลนศาสตร์ (Dynamics แบบเดียวกับโหราศาสตร์ดวงดาว) และ
นิวเคลียร์ฟิสิคส์
...ฉะนั้น อย่านำวิชาชีวะ และสรีระวิทยา
หรือกายวิภาคแบบชีววิทยายุคเก่า (สมัยล่าอาณานิคม) มาเปรียบเทียบ เพราะจะทำให้โง่และขี้โกง....
…ธาตุ - ตามหลักชาวพุทธโบราณหลังจากปะทะสังสรรค์กับวิชาการแพทย์อันสุดยอดของ
บาบิโลเนียนแล้ว...ประกอบแบบเดียวกับจักรวาล
คือ ดิน (ปถวีธาตุ), น้ำ (อาโปธาตุ),
ไฟ (เตโชธาตุ),
ลม (วาโยธาตุ), อากาส (อากาสธาตุ) และ
วิญญาณธาตุ (อันที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 เรียกว่า Subjectivity of Time และ...Participeter...ที่มาแทน Observer แบบที่หน้าด้านใช้ในงานวิจัยปัจจุบันทั่วไปอยู่)...
...เป็นการแบ่งตามคุณสมบัติพื้นฐานทางฟิสิคส์ เพราะชาวพุทธโบราณเน้นไปที่ปรากฏการณ์ของแรง...การกระทำ (กรรม) ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่...ไม่มีอะไรเป็นเรื่องหยุดนิ่ง...ทุกอย่างต้องเรียนรู้ในสภาวะของเหตุการณ์ที่กำลังไหลเลื่อน(อนิจจตา)
...องคาพยพ
ที่เรียกอาการ ๓๒ (ทวัตติงสาการ) เป็นอวัยวะตามคุณสมบัติธาตุดิน ๒๐ ชนิด
คุณสมบัติแบบธาตุน้ำ ๑๒ ลมที่เคลื่อนไหวในร่างกายก็จำแนกเป็น
๖ กลุ่ม และธาตุไฟ (กระบวนการเมตาโบลิสม์ภายในเซลล์)
อีก ๔ กลุ่ม
...แยกเวลา
กลางวัน-กลางคืน แบบเดียวกับปรากฏการณ์การหมุนของโลก อีก ๒ กลุ่ม คือ
แบบสุริยคติ
และแบบจันทรคติ โดย...
...จิตที่ทำงานในตอนกลางคืน
(จิตใต้สำนึก, จิตไร้สำนึก) มีวิถีเป็นเวลากลางคืน เรียกวิถีเวลากลางคืนภายในของจิตนี้ว่า
จันทระกลา
...จิตที่ทำงานในตอนกลางวัน (จิตสำนึก
ปกติ) มีวิถีเป็นเวลากลางวัน เรียกวิถีเวลากลางวันภายในของจิตนี้ว่า สูรยะกลา
...ปรากฏการณ์เวลาภายใน
หรือ จิตผู้ลำดับเหตุการณ์นี้ คือ สนามเวลาที่รองรับชีวิตและอายุขัยของสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตวบุคคล คือเรา-ท่านทั้งหลาย เป็นต้น
...ในวิชาแพทย์ฝ่ายพุทธตันตระ...การสูญเสียระเบียบของเวลาภายใน คือที่มาของการกลายพันธุ์ของอวัยวะที่ประกอบเป็นองคาพยพทั้งหมดเป็นร่างกาย...นี่เอง
..พูดด้วยสมัยใหม่ก็คือ
การทำลายเวลาของจิต (ไม่แยกแยะกลางวันกลางคืนของคนปัจจุบัน)
เป็นที่มาของการทำให้สนามแรงที่รองรับอวัยวะในระบบหายใจและระบบขับถ่ายพินาศ..ได้แก่การกลายพันธุ์ของกรดอมิโน..ที่มาของ
เบาหวาน ความดัน และมะเร็ง รวมทั้งภูมิแพ้ทั้งหลายด้วย...
...มีความรู้อะไรจะมาฝึกจิตและจะมานั่งสมาธิ...อ่านตรงนี้ก่อน...อย่าโง่แล้วขี้โกงหน้าด้านๆกันอยู่เลย....มีความเป็นมนุษย์กันเสียบ้าง...เก่งมาจากไหน
มาเรียนกรรมฐานข้ามหน้าวิชาจิตสรีระศาสตร์ฝ่ายพุทธตันตระ!!! เหมือนเรียนหมอแล้วไม่ยอมเรียน สรีระวิภาควิทยาเลย....สมองบิดเบี้ยวสิ้นดี...
…คนทุกวันนี้ทำงานไม่รู้กลางวัน ไม่รู้กลางคืน...เป็นมะเร็งตายเร็วเลย....(มะเร็งก่อตัวและกำเริบ เพียง ๓ เดือน ก็จบชีวิต) เพราะกรดอมิโนกลายพันธุ์ เนื่องจากสนามเวลารองรับอวัยวะแต่ละส่วนสับสน..
อย่างเกรงใจของธรรมชาติ ก็เบาหวาน ความดันและภูมิแพ้...สะสมมาจากการไปสร้างความสับสนให้เวลาของจิตกันทั้งนั้น...
…ครับ...แพทย์สมัยใหม่ไม่มีความรู้เรื่องจิตเลย..เพราะวิชาที่เรียนเป็นแบบ
Observer ไม่ใช่แบบ Participater ที่เพิ่งมีการค้นพบเมื่อหนึ่งร้อยปีมานี้เอง!!!
Participater...จิตผู้ลำดับเหตุการณ์ถูกค้นพบโดยวิทยาศาสตร์สัมพัทธภาพ ยังไม่มีศาสตร์ที่แอบอ้างความเป็นวิทยาศาสตร์สายไหนเอาไปประยุกต์ใช้ได้แม้แต่สาขา...โจรวิชาการโดยแท้...
…พูดแบบสมัยใหม่จริงๆ พิกัดของจิตอยู่ที่ โฟคัสของ Vibrations จากอายตนะประสาททั้ง ๖ ระบบ....ถ้าหมออ้างอย่างที่ว่ามา...แสดงว่าหมอแย้งกฏอนุรักษกรรมแห่งพลังงาน...หมอตอแหล...ไม่รู้วิทยาศาสตร์จริง!!
…มะเร็ง เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้...เอดส์. หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน. เป็นโรคสมัยใหม่ที่แพทย์สมัยใหม่ล้มเหลวแล้วอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่มีความรู้เรื่องจิตอย่างที่อารยธรรมโบราณค้นพบ....หน้าด้านมาก...โจรสุขภาพ...ฉีกกก...หน้ากากความรู้แพทย์สมัยใหม่ของไทย...
มันดิครับ..งานนี้...สูงส่งกันนักไม่ใช่รึ....
...ขั้นที่ ๑ ไปหัดหายใจเลย...หายใจยาวๆ คิดได้เมื่อไหร่ทำเมื่อนั้น...ครั้งละ ๓-๕ นาที...ธรรมชาติเค้าให้โอกาศเวลาท้อและเหนื่อยก็ถอนใจยาว แต่ไม่เอามาเป็นนิสัยเอง...มันจึงป่วยง่าย กรอบง่าย แล้วก็แก่ง่าย...หายใจยาวๆเป็นนิสัย มันจะเกิดญาณโตงเตงโตงเว้า สัมผัสรู้สัมผัสเห็นอะไรอีกเยอะแยะ แต่ที่ผ่านๆมาหายใจตามอารมณ์ตามยะถากรรมทำร้ายตัวเองกันทั้งนั้น...
...ที่สุขภาพขนาดอายุ
38 ครับ....เพราะท่าเคลื่อนไหวในศิลปมวยไทยหลายท่า...ไม่ปรากฏมีแล้ว...ต้องแสดงเอง ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบนัก (เพราะขาขวาที่หักแล้วหมอต่อยึดไม่ดี มีปัญหากระดูกรอยต่อคดเกือบฉาก)...
…ตำรามวยไทยรุ่นแรกๆ
มีหลักฐาน ไม่ว่าจะของ ครูกิมเส็ง ที่เป็นต้นแบบของประเทศเอง หรือของ อ.เปลี่ยน
สมชาติ (ตำรับพระเจ้าเสือ) ของ น.วงษ์ธนู (ลูกหลานทหารเรือ...แขกจาม) และของ ไชยยันต์ ศิษย์ ผล พระประแดง...พูดถึงเรื่องการฝึกสมาธิทุกเล่มครับ...เป็นศิลปะการต่อสู้ของพุทธตันตระแน่นอน....ตำราที่เขียนในช่วง
พ.ศ.๒๕๐๐-๒๕๑๐ ได้เอามาเปิดเผยประจานแน่นอนว่า ชั้นหลังๆมานี่ กูรูที่หาความซื่อสัตย์ไม่มี มันตอแหลลวงโลกอะไๆรกันไว้บ้าง....
…ฝอยประวัติ (เหลือเชื่อตัวเองนิดนึง)...ผมต่อยมวยไทยแค่
18 ครั้งเท่านั้นครับ แต่ 5 ครั้ง
เป็นการเป็นตัวแทน แทนเพื่อนนักมวย (สวมรอย) ขึ้นชิงแชมป์มวยไทยรุ่น แบนตัมเวท
ทั้งของ ราชดำเนินและของลุมพินี เหตุที่เพื่อนอ้างป่วยชกไม่ได้เพราะแชมป์น้ำหนักเกิน ขึ้นต่อยเอาเดิมพันเล่นเป็นยก ผมทำให้เพื่อนได้กินเดิมพันหมด...(แพ้ เพราะไม่ออกจากมุมทั้ง ๕ ครั้ง
เพราะต่อกันเป็นยก ชนะเดิมพันแล้วเลยไม่ต้องออกจากมุม...ชกเอาสนุกแลัมันเข้าว่า ไม่ได้สนเรื่องรายได้หรืออนาคต ครับ)
สไตล์เอาเดิมพัน สกปรก ตุกติก ทุกรูปแบบ...ถนัดมาก....
...สมเดช ยนตรกิจ อีซ้ายฟ้าผ่า..อดีตคนพายเรือจ้างข้ามแม่น้ำมูลครับ..
ฟ้าใส
ทวีชัย ซ้ายหนักธรรมชาติแบกน้ำหนักจนกรอบแพ้ภัยตัวเองไปเลย..การแบกน้ำหนักที่ดีต้องเตรียมพร้อมตั้งกะการซ้อมกระสอบทรายที่หนักพิเศษ
และเล่นบาร์เบลแบบนักยกน้ำหนักครับ
แต่ที่แน่นๆ...การฝึก
"ท่าจับ"
ที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดในการฝึกมวยไทย..คือสุดยอดในการแก้และเก็บอาวุธคู่ต่อสู้ทุกรูปแบบครับ...
…ผมไม่หนักแต่...แรง
เร็ว และคม ครับ แข็งแรงและมีแรงปะทะมหาศาล...เกิดจากการยกน้ำหนัก (บารฺเบล) แบบนักยกน้ำหนักครับ...ยกแบบเอากำลัง
ไม่เอากล้ามเนื้อ มีจังหวะการหายใจและจังหวะดึงน้ำหนักที่ค่อนข้างเร็วกว่านักยกน้ำหนัก...แล้วแรงปะทะมหาศาลเลย....นักมวยทุกวันนี้ไม่ชอบออกกำลังเรื่องนี้
แรงปะทะห่วยแตกทุกคน...กระสอบก็ซ้อมกระสอบเศษผ้าเศษฟองน้ำ....
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment