Breaking Dharma PART 7...!!!
....
ประจักษ์พยานบุคคล
;
๑.
วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีปังกร พยากรณ์ สุเมธดาบส พร้อมทั้ง อัครสาวก
อัครสาวิกา
ทั้ง ๘ ผู้บำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ เป็นเอกเทศ
๒.
การค้าโลกโดยสมุทรนาวี มีมาแล้วแต่ดึกดำบรรพ์จนเนื่องถึงสมัยพุทธกาล
อ่านดูครับ...
(๗๙)
ในเวลาที่พระพุทธเจ้าผู้พิชิตมารพระนามว่าทีปังกร ทรงพยากรณ์สุเมธดาบสว่า ในกัปจากกัปนี้ไปนับไม่ถ้วน ดาบสนี้จักเป็นพระพุทธเจ้า
พระมารดาบังเกิดเกล้าของดาบสนี้จักทรงพระนามว่า มายา พระบิดาจักทรงพระนามว่า สุทโธทนะ ดาบสนี้จักชื่อว่าโคดม (โคตมะ)
ดาบสนี้จักเริ่มตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยาแล้ว จักเป็นพระสัมพุทธเจ้า ผู้มียศใหญ่ ตรัสรู้ที่ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์ ..
..พระอุปติสสะและพระโกลิตะ จักเป็นพระอัครสาวก
..ภิกษุอุปัฏฐาก
ชื่อว่าอานนท์
..พระภิกษุณีชื่อว่า
เขมา และ อุบลวรรณา จักเป็นอัครสาวิกา
..จิตตคฤหบดี
และเศรษฐีชาวเมืองอาฬวี (หัตถกอุบาสก) จักเป็นอัครอุบาสก
..นาง (ค่อม) ขุชชุตตรา
และ นางนันทมาตา (เวฬุกัณฏกี) จักเป็นอัครอุบาสิกา
..เวลานั้น
เราเป็นมาณพ ชื่อ เมฆะ เป็นนักศึกษา
ได้สดับคำพยากรณ์อันประเสริฐซึ่งสุเมธดาบส ของพระมหามุนี เราเป็นผู้คุ้นเคยในสุเมธดาบส
...และได้บวชตามสุเมธดาบสผู้ออกบวชอยู่...ต่อมาถูกบาปมิตรบางคนชักชวนในอาจารหลีกไปจาก...พระศาสนา
!!!
ภายหลัง
ถูกมิตรอันน่าเกลียดนั้น ชักชวนให้ฆ่ามารดา เราได้มีใจอันชั่วช้าได้ทำอนันตริยกรรมฆ่ามารดา จึงจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว
เกิดในอเวจีมหานรกอันแสนทารุณ เราไปสู่วินิบาตถึงความลำบากท่องเที่ยวไปนาน...
(ตอนต่อไปนี้
เป็นประจักษ์พยานเรือเดินสมุทร..การค้าทางทะเลสมัยพุทธกาล...และพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลื่องลือไปทุกท่าเรือเดินสมุทรสมัยนั้น
= มีชื่อเสียงทั่วโลก)
....ในกัปนี้
เราเกิดเป็นปลาติมิงคละ อยู่ในมหาสมุทร เราเห็นเรือในสาครจึงเข้าไปเพื่อจะกิน
พวกพ่อค้าเห็นเราก็เกิดความกลัว...
พวกพ่อค้า
พากันระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เราได้ยินเสียงกึกก้องที่พ่อค้าเหล่านั้น
เปล่งขึ้น...ว่า
.. โคตโม! โคตโม! โคตโม! (=
ขออำนาจพระโคดม ช่วยพวกเราด้วย...)
เรา
จึงระลึกได้ถึงสัญญาเก่า (คือ นี่เป็นชื่อของเพื่อนผู้ทรงคุณแก่เราที่พระพุทธเจ้าทีปังกรพยากรณ์ไว้นี่!!)...เราจึงอดอาหารแล้วทำกาลกิริยา
มาเกิดในสัญชาติพราหมณ์ตระกูลมั่งคั่งตระกูลหนึ่ง ณ
พระนครสาวัตถี ได้ชื่อว่า ธรรมรุจิ
..พออายุได้
๗ ขวบ ได้พบพระพุทธองค์ (บิณฑบาตร) จึงได้ตามไปยังวิหารเชตวันแล้วบวชเป็นบรรพชิต เราเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ๓ ครั้ง ในช่วงเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนนั้น
ครั้งนั้น
พระองค์ผู้เป็นพระมหามุนี
ทอดพระเนตรเห็นเราแล้ว จึงตรัสว่า ธรรมรุจิ ท่านจงระลึกถึงเรา....
ลำดับนั้น
เราจึงกราบทูลบุรพกรรมอย่างแจ่มแจ้งกะพระพุทธเจ้าว่า....
....ข้าพระองค์ตามหาพระองค์มานานนักแล้ว
...โดยกาลนาน ข้าแต่พระมหามุนี นัยน์ตาอันสำเร็จด้วยญาณ ถึงความพร้อมเพรียงกับได้พบพระองค์ ได้เสียเวลาไปนานนัก ข้าพระองค์พินาศไปเสียในระหว่างนานมากแล้ว วันนี้
ได้สมาคมกับพระองค์อีก ข้าแต่พระโคดม กรรมที่ข้าพระองค์ทำไว้ดีแล้วจะไม่พินาศอีกเลย
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว...พระพุทธศาสนาเราได้ทำสำเร็จแล้ว
ดังนี้.
จาก
ข้อ (๗๙) ธัมมรุจิเถราปทาน ที่ ๙ ว่าด้วยผลแห่งความพอใจในธรรม
อัปทาน ขุททกนิกาย ไตรปิฎก เล่ม ๓๓/๔๕
(เรือสินค้าเดินสมุทรหลงพายุไปสู่ทะเลเหนือ
ถิ่นอาศัยของปลาวาฬ ครับ นั่นคือ ญี่ปุ่น เกาหลี มีการเชื่อมโยงกับคาบสมุทรทะเลจีนใต้
แห่งมหาสมุทรแปซิฟิก..ผ่านช่องแคบมะละกา ไปสู่มหาสมุทรอินเดียและคาบสมุทรที่อาหรับ ครับ เป็นร่องกระแสน้ำ และร่องมรสุมโดยธรรมชาติ...การค้าโลกมีมาก่อนที่ฝรั่งจะเป็นประเทศต่างๆ
นานเต็มทีแล้ว...)
...ตรรกะคำสอนในพระพุทธศาสนา
บันทึกโครงสร้างสังคมเศรษฐกิจโลก ซับซ้อนหนาแน่นมากครับ....
…วิทยาการที่สำคัญที่สุดใน เบรค นี้คือ อดีต...ครับ อดีตเป็นศาสตร์เฉพาะของ
สติ...หลายโพสต์ที่พระแสดงไว้ เละเลย...พวกไม่รู้ว่าสติเป็นเรื่องของอะไร
..เละเทะจริงๆ...
…ไม่เอาอดีต = สิ้นคิด+ สิ้นสติ เท่านั้นเอง!!!
…ท่านธรรมรุจิ ต้องจำให้ได้ว่าเคยทำมาตุฆาต...เพื่อทวนไปหาการคบหาสุเมธดาบส แล้วต้องไม่ได้พบกันจนจวบชาติสุดท้าย...ที่จะปรินิพพาน
…สติ ในการระลึกหาอดีตที่เจ็บปวดที่สุด...ต้องขึ้นมาเป็น ๑ ใน ๓
กิจสูงสุดของพระศาสนา...มันอวดภูมิตรงข้ามกันหมดเลย ในวันนี้....
…หลีกไปจาก..พระศาสนา!!!...กว่าจะได้ย้อนกลับมากลายเป็นชาติภพสุดท้าย เพราะความที่เคย..รัก เคารพ
สุเมธดาบส....และการที่สุเมธดาบสสู่ชาติภพสุดท้าย...ความผูกพันเพราะเคยรักเคารพเลยต้องตามมาจบด้วยกัน...ให้อารมณ์สะเทือนใจมากเลย
...รวมเวลาจากกันก็ร่วมๆ...สี่อสงไขยแสนกัป
นั่นเอง...เป็นบุพเพนิวาสานุสติญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาพระสาวกทั้งหลายร่วมกับแม่เจ้ายโสธราเถรี (สุมิตตาพราหมณี
ขณะนั้น) เลยทีเดียว...
...แม้กรรมในอดีตที่ทำมาจะหนักสาหัสมาก...แต่ก็เวียนว่ายผ่านความเจ็บปวดยากลำบากจนมาได้พบกับเพื่อนเก่าอันแสนประเสริฐสุดในชาติภพสุดท้ายจนได้...ความผูกพันอันแสนยาวไกลเหมือนเป็นแค่เส้นใยบางเบา......แต่อานุภาพมหาศาลเกินคาดคิดเลย...ไม่อ่านให้ดี...ไม่รู้เลย...
...เรื่องราวประวัติพุทธสาวกของแต่ละท่านที่บันทึกเอาไว้ไม่ใช่การเดินทางทางจิตเฉพาะส่วนตัว..ไม่ใช่แค่แผนที่ชีวิตเฉพาะตน...แต่เมื่อนำมาปะติดปะต่อแล้ว คือ แผนที่ขนาดใหญ่ของประวัติศาสตร์ส่วนรวมแห่งมนุษยชาติ...
...ครับ..ขอเพียงเคยรัก
เคารพ แค่ครั้งหนึ่งในชีวิต ชาติใดก็ได้...สะเทือนใจมากเลยครับ ลองคิดให้ละเอียดจะเห็นพัฒนาการของสติ ที่กลายเป็น ญาณ
แล้วนำไปสู่การหลุดพ้นสุดท้าย...
…องค์พระศาสดาเอง ก็ทรงมี
ฆฏิการพรหมในอดีต ที่ยอมออกกำลังกะเพื่อน คือพระองค์ท่านครั้งเป็น โชติปาลมาณพ...ฆฏิการ ที่มีชาติต่ำกว่า ต้องกระชากมวยผมโชติปาลมาณพ เพื่อชวนไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสปะด้วยกัน..ก่อนหน้าก็มีความห่วงใยผูกพันแบบนี้อยู่
…สรุป.. "นายขยะ" กำลังเปิดภาพรวมของพระพุทธศาสนา...ที่ไม่เคยมีการเข้าถึงมานับพันปีออกมา...นะครับ. เป็นภาพรวมของประวัติศาสตร์มนุษยชาติด้วย!!!
…วิทยาศาสตร์ยุคล่าสุด เรียกว่า World
of the Interactions ครับ...เป็นชาวพุทธจะได้เปรียบที่สุดกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ยุคหน้า...
…จาก "โคตโม (GOTMO)" ของพ่อค้า ชาวเรือแห่งน่านน้ำสากล สมัยพุทธกาลหรือไม่ เป็นที่มาของ GOD....พระเจ้าของพวกฝรั่ง
มัน ??????
...(อรหัต..ARAHAT..ก็เลยต้องไปเป็น ALLAH...?????)
…เพราะมหาราชาแห่งราชวงศ์กุษาณะพระองค์สุดท้ายก่อนที่อาณาจักรจะล่มสลายไปจากเอเชียกลางไปอยู่ในบันทึกของมุสลิมๆเรียกพระองค์ว่า
Kidarajahi.. กิดาราชาหิ ...ออกเสียงแบบ
พุทธ-พุทธว่า
พระเจ้ากิตราช ครับ.
...โลกใบนี้..เป็น
A Pluralistic Worlds (โดย Wiliam James ปราชญ์อเมริกา) และ
วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ล่าสุดที่พัฒนาอยู่ในวงแคบๆกำลังมาถึง คือชื่อ..The
World of The Interactions ซึ่งมันจะมาตรงกับที่พระพุทธศาสนาเรียกว่า..
**** อิทัปปัจจยตา >> ปฏิจจสมุปปาท >>>
ตัว "ทุกขสมุทัย" **** ครับ!!!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
No comments:
Post a Comment