Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Wednesday, February 23, 2022

เหตุยั่งยืนมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา

 

พราหมณ์ผู้ใดผู้หนึ่ง ทูลถามว่า
ข้อ(๗๗๘)
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน
ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว
และอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่นาน
ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว ?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ข้อ(๗๗๙)
ดูกรพราหมณ์
เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ
ไม่ได้กระทำให้มากซึ่ง #สติปัฏฐาน๔
พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ไม่ได้นาน
ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว
และเพราะบุคคลเจริญ
กระทำให้มาก #ซึ่งสติปัฏฐาน๔
พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน
ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว
สติปัฏฐาน๔เป็นไฉน ?
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่...
ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่...
ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่...
ดูกรพราหมณ์
เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ
ไม่ได้กระทำมากซึ่งสติปัฏฐาน๔
เหล่านี้แล
พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้ไม่นาน
ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว
และเพราะบุคคลได้เจริญ
ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน๔
เหล่านี้แลพระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน
ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.
ข้อ(๗๘๐)
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์นั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่ผู้หลงทาง #หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่าผู้มีจักษุจักแลเห็นได้ ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
มหาวารวรรค สังยุตตนิกาย
พระไตรปิฎกสยามรัฐ เล่ม๑๙/๒๐


สติปัฏฐาน๔ แปลว่า
ฐานที่ตั้งทั้ง๔แห่งการมีอยู่ของสติ
สติปัฏฐาน๔ ในรายละเอียดของคำสอนแห่งการค้นพบต้องฝึกเอา ไม่ใช่ท่องจำเอา ฐานทั้ง๔ที่ตั้งแห่งสติ ในคำสอน มีลำดับฐาน ดังนี้...

การเห็นอันเนื่องด้วยกาย มีที่สุดคือ อาการบรรลุซึ่งการหยุดการหายใจออกหายใจเข้าโดยไม่ตายทั้งยังตามอาการรู้สึกไปในระดับการหายใจภายในเซลล์ สำนวนบาลีในปฏิบัติการโยคะ ว่า
มาตรฐานอยู่ที่ระดับ จตุตถฌาน (ฌานขั้นที่๔ )ของ สัมมาสมาธิ ในอริยมรรคมีองค์๘
และ....
ทักษะความรู้สูงสุดเนื่องด้วยกาย บาลีเรียกว่า #วิโมกข์๘
ทักษะความมีสติสูงสุด บาลีเรียกว่า
ที่มา..ข้อ(๑๘๙) โยธาชีววรรค จตุตกนิบาต อังคุตตรนิกาย

การเห็นอันเนื่องด้วยเวทนา
ต้องเข้าใจก่อนว่า เวทนาตามคำสอน คืออาการรู้สึกจากการทำงานของระบบประสาททั้งระบบที่ถูกจัดประสบการณ์ความรู้สึกให้เป็นระเบียบชัดเจนดีแล้ว โดยอินทรีย์ที่สร้างอำนาจเหตุผลจัดระเบียบความรู้สึก เป็นการทำงานร่วมระหว่างระบบประสาทกับระบบน้ำเหลือง ขณะที่ ความรู้สึกทั่วๆไปเป็นการทำงานร่วมระหว่างระบบประสาทกับระบบไหลเวียนของเลือด และในปฏิบัติการพิสูจน์ ก็คือการเข้าไปบริหารจัดการลดการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดลง

การเห็นอันเนื่องด้วยจิต
ประสาไทยมักแปลรวบรัดว่าจิตในจิต
ในปฏิบัติการโยคะ คือการเข้าถึง ตัวปรุงแต่งจิต คือ The Creator of Mind ที่บาลีเรียกว่า #จิตสังขาร (เวทนา & สัญญา) ประกอบด้วย แรงกระทำ(นามทั้ง๕) คือ พลวัตเพื่อการอยู่รอด.. Survuval Dynamic กับวัตถุที่ก่อให้เกิดแรงกระทำ(มหาภูต๔ อุปาทายรูป๒๔) บาลีเรียกรวมๆ ว่า #นามรูป

การเห็นอันเนื่องด้วยธรรม
ประสาไทยแปลเป็น เห็นธรรมในธรรม
ในปฏิบัติการโยคะของสติปัฏฐาน๔ ก็คือการจัดระเบียบประสบการณ์เห็น ใน๓ฐานข้างต้น แบบเดียวกับหลักการทางวิชาฟิสิคส์ คือจุดประสงค์ของแรงกระทำ กับ แรงต่อต้านแรงกระทำ หรือ แรงเฉื่อย.. ซึ่งบาลีเรียกว่า #ปปัญจธรรม ที่ไทยแปลว่า #ธรรมเครื่องเนิ่นช้า ศิลปะการกำจัดแรงเฉื่อยทางฟิสิคส์นี้เอง พุทธเรียกว่า #นิปปัญจธรรม แปลว่าธรรมอันเป็นเครื่องไม่เนิ่นช้า คือ รายละเอียดของ ธัมมานุปัสนา นี้เอง.

การท่องจำเป็นก้อนคำ
หรือคำเป็นก้อนๆ
ตามคำสอนทั่วๆไป
ล้วนทำให้ไม่เห็น อาการ๓๒
มหาภูต๔ อุปาทายรูป๒๔
ตามที่ทรงแสดงรายละเอียดไว้
ขับเคลื่อนอยู่ในสติปัฏฐาน๔ เลย
ที่สำคัญยิ่ง ในปฏิบัติการโยคะว่าด้วย สติปัฏฐาน๔ :-
สติ คือ ปัสนา = การสามารถเห็น
ที่เห็นด้วยตาบาลีเรียกว่า ทัสสนา
และสัมผัสเห็นด้วยใจ(มโนวิญญาณ, มนายตนะ, มนินทรีย์)ก็เรียกว่า..ทัสสนะบ้าง ผุสนะ บ้าง
เหตุการณ์ที่ถูกเห็น ก็คือ จิต...จิตที่กำลังเป็น และเป็นอิสระแยกออกจากกาย ทั้งๆที่ จิตคือ อำนาจที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนกระบวนการใช้ แรงไฟฟ้า๑ หน่วยจากลมหายใจภายนอกไปควบคุมแรงนิวเคลียร์๑๐๐หน่วยในการเปลี่ยนสารอาหารเป็นธาตุเชิงเดี่ยว และเปลี่ยนธาตุเชิงเดี่ยวตลอดจนสารประกอบในเยื่อ/ไขกระดูกเป็นอินทรียสารที่ เรียกกันว่า เลือด โดยกระบวนการจากลมหายใจภายใน

พระพุทธศาสนายิ่งใหญ่
ก็เพราะธรรมชาติของร่างกาย
และจิตใจของมนุษย์ยิ่งใหญ่
นี่เอง ครับ.



********************************

No comments: