***
Atthanij
Pokkasap about an hour ago
หัวใจ...ของเราท่าน...
มีจุดกำเนิดไฟฟ้า
๔ จุด
ความแรงอยู่ระหว่าง
-60 ไปจนถึง +20 มิลลิโวลท์
กระแสไฟฟ้าเกิดจาก
การทำงานของเซลล์
จะไปกระตุ้นที่
จุดแรก(Sinus
Node) ก่อน
แล้วส่งกระแสไปยังเซลล์กล้ามเนื้อ
ทำให้เกิดการบีบตัว
การกระตุ้นเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง
กล้ามเนื้อหัวใจก็จะบีบตัวครั้งหนึ่ง
ซ้ำๆกันเช่นนี้ตลอดไป
ทำให้ระบบการหายใจและสูบฉีดเลือด
ไปเลี้ยงทั่วองคาพยพร่างกายดำรงและดำเนินไปได้
ณ
จุดกำเนิด ๔ จุดที่ว่านี้..
เป็นอิสระสัมพันธ์กัน
แต่ถ้ามีการช็อตลัดวงจร..
หัวใจก็จะเกิดการเต้นแรง
สะเปะ สะปะ ไม่มีจังหวะสม่ำเสมอ
และ
ถ้าจุดใดจุดหนึ่งเสีย ที่เหลือจะพยายามเข้าทำหน้าที่แทน
แต่จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง
และทำงานหนัก
จุดกำเนิด
๔ จุดนี้ พระพุทธศาสนาค้นพบเรียกเป็นศัพท์เทคนิค
ประสาชาวพุทธโบราณว่า...*
มโนวิญญาณธาตุ*
มีการทำงานประสานกับ
สมองส่วนล่างหลังกระบอกตา
ที่เป็นสมองส่วนประมวลผลของประสบการณ์ของสมองทั้งหมด
ที่มาของความฝันชนิดต่างๆตามระดับลึกของจิต
และเป็นที่มาของ
"ตาทิพย์(ทิพยจักษุ..Clairvoyance)"
เมื่อผสานคลื่นหัวใจเข้าเป็นเอกภาพกับสนามแม่เหล็กดวงดาว
ของโลก(ที่มาของ
จินตามยปัญญา..ปัญญาโดยสัญชาตญาณ
ที่พบได้ในสัตว์หลายชนิดที่รู้ภัยพิบัติธรรมชาติล่วงหน้า
อย่าแปล
อย่างที่พวกพระปริยัติแปล..เพราะจะขัดแย้งกับหลักพุทธคุณ
!!!)
Atthanij Pokkasap
11:17
น.ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
วันเสาร์
๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗
Atthanij
Pokkasap
มหัศจรรย์แห่ง ชีวฟิสิคส์(Bio-Physics)ของชีวิตสัตวบุคคล ที่พระพุทธศาสนาค้นพบ
จึงแบ่งการทำงานของอวัยวะภายในตามหลักธาตุ ๔(ดิน น้ำ ไฟ
ลม)และพลังงาน..ไม่ใช่แบ่งแบบวิชาชีววิทยาสมัยใหม่ที่ทำทฤษฎีพลังงานตกหายไปทั้งดุ้น
Piraphan
Nonthaphan
แล้วเกี่ยวเนื่องกับต่อมไพนีล (เรียกถูกหรือเปล่าำม่แน่ใจค่ะ) อย่างไรคะ จะเรียกว่าจุดกำเนิด ๔ จุดนี้คือธาตุ ๔ ของร่างกายหรือเปล่าคะ
Atthanij
Pokkasap
เค้าเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าประจำลิ้นหัวใจทั้ง ๔ ห้อง ครับ อันที่
ปฏิบัติการโยคะของพระพุทธศาสนาประมาณว่าโตเท่าเมล็ดของดอกบุนนาค
เป็น
"มโนวิญญาณธาตุ"
ฐานผลิต "จิต" ให้เข้ามาเป็นผู้เสพย์.คลื่นพลังงานจากอายตนะทั้ง ๕
จนเกิดธัมมารมณ์ แล้วผลิตซ้อน "จิต"
ผู้เสพย์ธัมมารมณ์อีกต่อหนึ่งเกิดเป็นอารมณ์ต่างๆสร้างเครือข่ายมอมเมากักขังจิต..เป็นกู
พวกกูชุลมุนตามที่กำลังเป็นกันอยู่นี่งัย...
Atthanij
Pokkasap
การตามหา จิต อัศวินผู้ขี่ม้า โดยที่ม้า คือ ลมหายใจเข้า+ลมหายใจออก
ยากกว่า คาวบอยล่าม้าในยุคสร้างอเมริกา หลายร้อยเท่า แต่ สนุกกว่ามาก.ถ้าเรารู้ว่า
ศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์ของเราเอง มันยิ่งใหญ่พอๆกะ ดาราจักรทางช้างเผือก...ที่ประกอบด้วยดวงดาวมากกว่า
๔
แสนล้านดวง...วิทยาการปัจจุบันไม่เคยสอนให้มนุษย์มีสำนึกเคารพรักตัวเองกันเอาเสียเลย...
Mareep
Nnag Yakkhanugann
ก็ตามอภิธรรมที่ว่าถึง "หทยวัตถุ" เป็นที่อาศัยเกิดของ
"จิต"...ตั้งแต่กำเนิดในภูมิที่สัตว์ต้องอาศัยรูปเกิด...อย่างนี้เทวดามารพรหม(เฉพาะรูปพรหม)ยมยักษ์นาคาหรืออมนุษย์ทั้งหลายทั่วไปก็ต้องมีหทยวัตถุและมโนวิญญาณธาตุด้วยหรือเปล่า...คำว่ามโนวิญญาณธาตุเป็นชื่อเรียกรวมของจิตที่ทำหน้าที่ประเภทนี้???...
Atthanij
Pokkasap
เทวดามารพรหมยมยักษ์ที่เป็นทิพยกายไม่มีหทยวัตถุ
ภิกษุฆ่าอมนุษย์พวกนี้จึงอาบัติเป็นปาจิตตีย์ ไม่เป็นปาราชิกงัยครับ
ความมีชีวิตของทิพยกายเป็นผล(Effect)เท่านั้น
ไม่ใช่ตัวกำเนิด(ธาตุ) ก็เคยมีการสงสัยนะ..ว่า เทวดาเป็นโอปปาติกะ
ไม่ได้เกิดในครรภ์ ทำไมเทวดาจะต้องมีสะดือด้วย? ก็คิดแบบมนุษย์น่ะ
Mareep
Nnag Yakkhanugann
แสดงว่าพวกนี้ไม่มีลมหายใจด้วยหรือเปล่าครับ...ผมยังสังสัยว่าพวกนี้เขาปฏิบัติกรรมฐานกันเหมือนมนุษย์ได้หรือเปล่า...แต่ก็ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วก็สามารถบรรลุธรรมได้เลยด้วยหรือนั่นอาจจะเป็นเพราะได้บำเพ็ญมาอย่างเปี่ยมล้นแล้วเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ในชาติก่อนๆๆ...
Atthanij
Pokkasap
เอฟเฟคส์ ที่มีการกระตุ้นเพิ่ม
ก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ(เป็นพวกที่ไม่กลับมาสู่ตระกูล คือการเกิดอีก
)เช่นเอกพีชีโสดาบัน พวกอนาคามีก็ใช่ครับ
No comments:
Post a Comment