Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Tuesday, March 20, 2018

MUAYTHAI FIGHTING IN THE 3rd INTERNATIONAL MUAYTHAI MARTIAL ARTS GAME AN...









* ...If you are interested in more information about the history of the traditional Buddhism in Mes Aynak, Afghanistan, Thai Ancient Massage, Real Muay Thai & Karate and Modern Science...

...Because he researched and found that the civilization of Buddha Tantra linked associated with Siam folk traditions of Muay Thai & Samurai Karate and Modern Science...

Please contact : Kru; Atthanij Pokkasap

https://facebook.com/atthanij.pokkasap

https://web.facebook.com/profile.php?...

https://web.facebook.com/MaestroKya






Thursday, March 15, 2018

THE 3rd INTERNATIONAL MUAYTHAI AND THAI MARTIAL ARTS GAME AND FESTIVAL 2018











* ...If you are interested in more information about the history of the traditional Buddhism in Mes Aynak, Afghanistan, Thai Ancient Massage, Real Muay Thai & Karate and Modern Science...



...Because he researched and found that the civilization of Buddha Tantra linked associated with Siam folk traditions of Muay Thai & Samurai Karate and Modern Science...



Please contact :  Kru; Atthanij Pokkasap



https://facebook.com/atthanij.pokkasap



https://web.facebook.com/profile.php?id=100009574025014



https://web.facebook.com/MaestroKya





Tel :    0 5206 9653   /   +66 5206 9653

         08 0742 5957  /  +668 0742 5957








Monday, March 5, 2018

อานาปานสติสมาธิ เป็นปฏิบัติการโยคะสายพุทธ




*** Atthanij Pokkasap about an hour ago


วันนี้ วันพระ วันอุโบสภ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
ตรงกับวันอาทิตย์ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗

อานาปานสติสมาธิ  เป็นปฏิบัติการโยคะสายพุทธ  ปรากฏขึ้นเพื่อแก้ปัญหา ปฏิบัติการโยคะ
แบบอสุภกรรมฐาน   อสุภสัญญาสมาธิ ที่ทำให้นักปฏิบัติการโยคะทั้งหลายปฏิบัติแล้วเกิด
ความเบื่อหน่ายในรูปสังขารที่เป็นชีวิตปัจจุบันจนไม่อาจบรรลุขั้นสูงสุดต้องพากันฆ่าตัวตายบ้าง  วานให้ผู้อื่นฆ่าให้บ้าง จนเลือดนองท้องน้ำแม่น้ำวัคคุมุทา แม่น้ำน้องพระนครเวสาลี แคว้นวัชชี

ผลของอานาปานสติสมาธิในขณะฝึกฝนนั้น  พระศาสดาท่านอุปมาเหมือนฝนในเดือนสุดท้ายแห่งฤดูร้อน ที่ตกลงมาดับฝุ่นแล้งทั้งหลายที่คลุ้งกระจายทั่งบนแผ่นดินและอากาศ

ในการถ่ายทอดที่ผ่านมายังอยู่ในขั้นที่ ๑ ๒ ๓ ๔ คือ มีสติหายใจยาว
มีสติหายใจสั้น เข้าสั้น ออกสั้น เข้ายาวออกยาว และเมื่อประกอบความรู้ในบันทึกทางการแพทย์สายพุทธเข้าไปแล้ว ปรากฏว่า...การมีสติขณะุหายใจยาว หายใจสั้นนี้ ประกอบด้วยความรู้เนื่องด้วยกาย(กายานุปัสสนา)ลึกล้ำ มหัศจรรย์ มากมาย
                                                                                                                     หลายๆท่านคงใจร้อนอยากฝึกในขั้นต่อๆไปตามนิสัยที่ตามใจตนเองเสียเคยตัว เคยชิน.....ทั้งนี้เพราะไม่รู้ว่า...ในขณะที่มีสติ หายใจเข้า-ออก ยาว-สั้น นั้น เมื่อปฏิบัติสะสมไปอย่างต่อเนื่อง ที่สุดของ ๔ ขั้นปฐมแห่งอานาปานสติสมาธินี้ จะเกิดอะไรอย่างไรขึ้นกับร่างกาย

ความรู้อันเป็นที่สุดของ ๔ ขั้นปฐมนี้ เป็นรากฐานของวิชาโหราศาสตร์ไทย ที่ทุกท่านไม่มีความรู้มาก่อนทั้งสิ้น ดังนี้ครับ
เมื่อหายใจอย่างมีระเบียบด้วยสติ.สะสมต่อเนื่อง..เลือด เซลล์เม็ดเลือดจะทำงานอย่างมีคุณภาพเกิดการจัดกระแสแม่เหล็กชีวภาพในร่างกายที่เป็นระเบียบสัมพันธ์กับสนามแม่เหล็กโน้มถ่วงดวงดาวของโลก

เมื่อจิตใจเริ่มปรากฏพื้นฐานของความเป็นระเบียบสัมพันธ์ตามคุณภาพสรีรกายเนื้อ ช่องว่างที่เชื่อมต่อยึดเหนี่ยว ระหว่างจิตใจกับกายเนื้อจะถุกกระทำให้ทะยอยชัดเจนขึ้น ชัดเจนขึ้น
นั่นคือการปรากฏของเส้นปธานทั้ง ๑๐ ตามบันทึกวิชานวดแผนโบราณ
เส้นช่องว่างแห่งการยึดเหนี่ยวคู่แรกที่จะปรากฏ คือ
เส้นสำนึกแห่งเวลาฝ่ายในแบบสุรยคติ ที่เรียกว่า "สูรยะกลา"
และ เส้นสำนึกเวลาภายในแบบจันทรคติ ที่เรียกว่า "จันทระกลา"

ปรากฎการณ์เส้นหรือช่องว่างของสำนึกแห่งเวลาภายในนี้จะทำงานผสานร่วมกับปรากฏการณ์เวลาภายนอก ที่ปฏิทินไทยเราเรียกว่า
เวลาแบบ สุริยคติ และ เวลาแบบจันทรคติ

ในปฏิบัติการโยคะฝ่ายพุทธตันตระนั้น จะเรียกปรากฏการณ์เวลาภายในนี้ในสถานะของ
"สนามเวลา(Time Field)"
คือ เส้น สูรยะกลา จะถุกเรียกในสถานะสนามเวลาว่า
"ปิงคลา นาภี(Pingla Nabhi)"

เส้นจันทระกลา จะถุกเรียกในสถานะสนามเวลาว่า
"อิทา นาภี(Ida Nabhi)"

เมื่อเส้นทั้งสองปรากฏสมบูรณ์ดีแล้ว จะไปเหนี่ยวโน้มให้เกิดปรากฏการณ์ของช่องว่างแห่งสมดุล เป็นที่มาของสถานะพ้นสนามเวลาที่เรียกว่า...
"สุศุมญา นาภี (Sushumna Nabhi)"
สถานะที่รองรับปรากฏเส้น สุศุมญา นาภี นี้ คือ อานาปานสติขั้นที่ ๖ หรือขั้นที่กล่าวว่า
กายสังขารสงบ หายใจเข้า...กายสังขารสงบหายใจออก...(กายสังขารสงบใน จตุตถฌาน ครับ !!!)
ฉะนั้น...อย่าใจร้อน และ...อย่ามั่ว ออฟไซด์ คำสอนท่าน  ในเมื่อท่านไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยในระหว่างการปฏิบัติที่เหมือนการเดินทางไปยังถิ่นที่ไม่เคยไปมาก่อน

เพราะเป็น ความรู้เนื่องด้วยกาย(กายานุปัสสนา)รายทางที่ละเอียดอ่อนมาก   จึงยังไม่สามารถถ่ายทอดพรวดๆๆๆๆๆๆ..อย่างที่ท่านผู้(ไม่)รู้(จริง)ในผ้าเหลืองทั้งหลายกระทำ...และจำเป็นต้องพึ่งอาศัยบันทึกวิชานวดแผนโบราณ และวิชาโหราศาสตร์ไทยฝ่ายกายบำบัด(ภาพในฝนังศาลาราย
วัดโพธิ(เชตุพน กรุงเทพฯ)ที่มีภาพแสดงเส้น การกดจุด ที่สัมพันธ์ข้างขึ้นข้างแรม

..... ....
เท่านี้ ก่อน..
ขอความเป็นจริงแห่งธรรม คุ้มรักษาทุกท่านที่สนใจ.เทอญ




Atthanij Pokkasap  ต้องใช้ภาพประกอบที่ลึกลับและละเอียดอ่อนมาก...ไม่อาจหยาบคาย
มักง่ายครับ..อานาปานสติสมาธิเป็นของสูงมาก และหาผู้รู้จริง....ยากมากยิ่งกว่า


Atthanij Pokkasap  อุปกรณ์ไม่พร้อม เครือ่งมือถ่ายทอดล้าหลัง มีปัญหา ครับ ไม่รู้คอมพ์จะน็อคตัดเมื่อใดทำให้การโพสต์ต้องพิมพืไปหวาดระแวงไป...ไม่เรียบร้อย ต้องอขออำภัยเป็นอย่างยิ่งด้วยครับ


ภารต ถิ่นคำ    สาธุๆๆ คับ


ชวลิต หงอเทียด    ขอบพระคุณครับอาจารย์



นาคเฝ้าคัมภีร์ นาคพิกลจริต นาคปิโลติ    สาธุโน ภันเต...






หลักสัมพัทธภาพของวิชาการแพทย์แผนพุทธ เกี่ยวกับ มะเร็ง





*** Atthanij Pokkasap shared ปณิตา ถนอมวงษ์'s photo. 3 hours ago


ตามหลักสัมพัทธภาพของวิชาการแพทย์แผนพุทธ..
มะเร็ง คือ ตะกอนเขม่าที่เกิดจากการการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของกระบวนการสันดาปภายในเซลล์(Metabolism) เป็นความผิดปกติ ๓ ใน ๔ ของธาตุไฟภายใน
(สันตัปปัคคี-ไฟยังกายให้อุ่น, ชีรณัคคี-ไฟเผากายให้เสื่อม และปริณามัคคี-ไฟย่อยอาหาร)
สืบเนื่องมาจากการขาดสมดุลของ ตรีธาตุ คือ ลม(วาตะ)ไม่ไปริมาณเพียงพอต่อการทำงานของ ธาตุน้ำสอง คือ น้ำดี(ปิตตะ) และ เสลด(เสมหะ..หัวกะทิของน้ำเลือด)

..นี้เป็นการวิเคราะห์ตาม กฎ แผ่นดินไหว ในพระสูตร "ภูมิจาลสูตร(Bhumijala Suttra)"
ออกซิเจนที่อยู่ในอากาศ ขณะหายใจเข้าก้ไม่สุด หายใจออกก้ไม่สุด ยังหยาบไม่มีระเบียบวินัยอีกด้วย ปรากฎการณ์เกิดตะกอนนอนเป็นตะกรันพอกพูนขึ้นมาเป็นฝี เป็นเนื้องอก เป็นมะเร็ง เหล่านี้
สมุฏฐานอยู่ที่ ลม(วาตะ)ไม่สัมพันธ์กับประสิทธิภาพที่ น้ำดี(ปิตตะ) ต้องใช้...
เป็นปรากฎการณ์ทางเคมีชีวภาพที่ต้องใช้หลักวิชา Food & Biolgical Chemistry มาวิเคราะห์และอธิบาย จึงจะรู้ว่า ประสบการณ์ค้นพบของพระพุทธศาสนาที่ท่านแสดงด้วยภาษาตามยุคสมัยนั้น ความจริงแล้ว...ละเอียดล้ำลึก นัก.




    การสังเกตุง่ายๆ....อาการมะเร็ง

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ... (ด้วยตนเอง)

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆของร่างกาย

1. มะเร็งปากมดลูก  อาการมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์   หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น   การตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้
2. มะเร็งในมดลูก  อาการมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์  หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

3. มะเร็งรังไข่  อาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์
>มีปัญหา เกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย  น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย)  อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติ   มักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียวหรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการปวด ตามข้อต่างๆทั่วร่างกาย   บางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

5. มะเร็งปอด  อาการมักมีอาการไอบ่อยๆ  มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลาย   น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ  เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ  อาการปวดในช่องท้อง  เบื่ออาหาร  น้ำหนักลด  ตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ  อาการมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็งสมอง  อาการปวดศีรษะนานๆและมักมีอาการอื่นร่วมด้วย  เช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น  ตาพร่าและเห็นแสงเขียวๆแดงๆลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ  อ่อนเพลียไม่มีแรง  หรือ การเป็นลมโดยกะทันหัน   อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน  เช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว   ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก  อาการมีก้อนบวมอยู่ในปากหรือทีลิ้นเป็นเวลานาน  มีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษาหรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน

10. มะเร็งในลำคอ  อาการเสียงแหบพร่าไปทันที  มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก  หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร  อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว   อาเจียนออกมาเป็นเลือด  ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อย   รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ  แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก  อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนม  บวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้น   มีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้   บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานาน   ควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น    เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์   ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

13. มะเร็งลำไส้  อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ  มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
****ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือ  ถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสด  นั่นคืออาการของริดสีดวงทวาร    แต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำ  นั่นคืออาการของโรค
มะเร็งในลำไส้

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง  อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย    มะเร็งผิวหนัง  อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน   ตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด    นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า เมลาโนมา (Melanoma)  คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่  เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกาย   หรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อน   คุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ





Atthanij Pokkasap  โอมการปัดพิษ ในไสยศาสตร์การแพทย์ เรียกชื่อฝี และมะเร็งไว้เพียบ...


Atthanij Pokkasap  เรียนอย่างงมงายโดยไม่ประกอบอุทเทศ นิเทศในพระสูตรที่มีมาในพระไตรปิฎกมาเปรียบเทียบวิเคราะห์..มันก็เป็น งมงาย ตามข้อกล่าวหาของนักวิทยาศาสตร์
ก่อการร้ายทั้งหลาย เป็นธรรมดา


นาคเฝ้าคัมภีร์ นาคพิกลจริต นาคปิโลติ    หนอนในกายยังมีตั้ง ๘๐ ชนิดเลย






จงมาสร้างอานุภาพแห่งลมหายใจเข้า ลมหายใจออก




*** Atthanij Pokkasap 3 hours ago


ในขณะที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยการก่อการร้าย
จากกองกำลังติดอาวุธของเหล่านักการเมืองแก๊งค์ต้มตุ๋น
โดยที่ผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบไม่มีสติปัญญาตามอำนาจหน้าที่
นอกจากพร่ำบ่นแต่ว่า เป็นความผิดของทั้งสองฝ่าย
คือทั้งประชาชนและนักการเมือง...
จงปล่อยให้มัน พวกมัน เสวยอำนาจหน้าที่
ด้วยความไร้สติปัญญา ไร้ความรับผิดชอบ ต่อไปจนกว่าบ้านเมือง
จะล่มสลายไป ไปเถิด...

เรา.. จงมาสร้างอานุภาพแห่งลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
คุ้มครอง สถานภาพและชีวิตของเรา กันเองดีกว่า ดังนี้...

เมื่อในมหาสติปัฏฐานสูตรได้กล่าวเปรียบเทียบ
การรู้ชัดต่อลมหายใจเข้ายาว ลมหายใจออกยาว
การรู้ชัดว่าลมหายใจเข้าสั้น ลมหายใจออกสั้น
ว่าเสมอดัง. ภุมการวาสี.. นายช่างกลึงผู้ชำนาญในการชักเชือกกลึง
ภุมการันเตวาสี..ลูกมือนายช่างกลึงที่ทำหน้าที่ชักเชือกกลึงผู้ชำนาญ

นายช่างกลึง ชักเชือกกลึงนี้ เป็นนายช่างในหมวดวิชา โยโค..
คือวิศวสถาปัตยกรรม ศิลปศาสตร์ที่เป็น ๑ ใน ๑๘ ศิลปศศาสตรแห่งนครตักสิลา เครื่องกลึงไม้ กลึงเครื่องปั้นดินเผาโบราณ เป็นระบบเชือกชักเหมือนสว่านโบราณที่ใช้เชือกชักให้สว่านเกิด
การหมุนเจาะ  เป็นอุปกรณ์ที่ปัจจุบันหาดูได้ยาก  ทำให้ไม่เข้าใจความหมายของการชักเชือกกลึง
ที่ก่อให้เกิดการหมุนของดอกสว่านและหรือการเฉือนตัดของใบมีดกลึง  
(ถ้าใครเคยดูภาพยนต์ อยู่กับก๋ง จะเห็นตอนหนึ่ง ก๋งใช้เชือกชักสว่านให้หมุน... ลองทบทวนความจำกันดู)

การหายใจยาวกว่าจะฝึกรู้ระดับความยาวว่าที่สุดของความยาวของการหายใจของแต่ละสรีระร่างบุคคลนั้น ไม่เหมือนกัน แตกต่างกัน
ฉะนั้น จู่ๆจะมากำหนดว่า ฉันหายใจยาวแล้วอย่างนี้ๆ
หายใจสั้นแล้วอย่างนี้ๆ...โดยยังไม่เคยเรียนรู้เลยว่าที่สุดตามธรรมชาติของสรีระร่างกายตนนั้น ความยาวที่สุดจริงของลมหายใจของตนนั้นอยู่ที่ตรงไหน
พูดแบบสำนวนผู้ก่อการร้ายทางวิชาการปัจจุบันก็คือ..
ท่าน ได้ "มโน" ไปเองแล้วว่าหายใจยาว(เอาเอง)..ฮ่าาาา

โดยเทคนิคที่ถ่ายทอดมาเป็นภายในแห่งสายปฏิบัติการโยคะฝ่ายพุทธ
การฝึกหายใจยาวนั้น ต้องใช้เวลาพอสมควร
ในขณะที่ใช้เวลาฝึก...ไม่ได้สูญเสียเปล่า..
จะได้ความรู้เรื่องด้วยกาย ที่ท่านเรียกว่า "กายานุปัสสนา" ไปพร้อม
ในอีกระดับหนึ่ง เป็นตำนาน เป็นเรื่องปรัมปราที่มาของสายวิชาหนึ่งในวิชาไสยศาสตร์ไทยด้วย
นั่นคือวิชาคงกะพัน พื้นฐาน

เทคนิคที่ว่า มีดังนี้
(ปุกาด ในวงเล็บ นี้คือลิขสิทธิ์ของ "นายขยะ" หนึ่งเดียวในโลก  แต่ "นายขยะ" ปุกาดว่า
"กรูไม่หวง โว้ยยยยย..")

๑.หายใจออกให้สุด แขม่วท้องไว้ พร้อมขมิบหูรูดของรูขี้รูเยี่ยว อึดการสุดของการหายใจไว้ ออกกำลัง จะชกต่อยลมหรือเกร็งกล้ามเนื้อไปทั้งร่างก็ได้ นับ ๑ ๒ ๓.. ไปจน ถึงอย่างน้อย ๗ วินาที (ใหม่ๆควรทำที่ ๓ วินาที) แล้วคลายการอึด หายใจเข้าคืน ถ้าเหนื่อยนัก หายใจแรงๆหนักๆก็ได้
สักพักใหญ่ แล้วเริ่มต้นใหม่ วันละ สอง สามครั้ง(โดยเฉพาะช่วงกำลังอาบน้ำ ปลอดหุปลอดตาคนดีที่สุด)
ประสาช่างเครื่องยนต์อธิบายว่า..
นี่คือการบดวาล์วไอเสีย หาพิกัด "ศูนย์ตายล่าง"

๒.หายใจเข้าให้(เกือบ)เต็มที่ แล้วทำพฤติกรรมตามแบบข้อแรกอีกคือ แขม่วท้อง กลั้น...ฯลฯ
ประสาช่างเครื่องยนต์อธิบายว่า...
นี่คือการ บดวาล์วไอดี พาพิกัด "ศูนย์ตายบน"

ทำทั้ง ๒ ข้อ จนรู้ชัดว่า ที่สุดของลมหายใจเข้า ที่สุดของลมหายใจออกตามธรรมชาติที่แท้จริงของสรีระร่างกายของตนเองนั้น มันมีขนาดระยะเท่าไหร่กันแน่...ดังกล่าวแล้ว ต่อไปเราเองก็จะรู้ว่า ที่ท่านว่าหายใจยาว ของเรานั้นควรมีความยาวกันสรีระใครสรีระมันนั้น ควรยาวเท่าไหร่!!!

การรู้เนื่องด้วยกาย(กายานุปัสสนา)ขั้น ปฐมตามนี้ถูกนำไปพัฒนาเกิดเป้นวิชาเรียกว่า
"ฤๅษีดัดตน" นั่นเอง
ไม่เชื่อลองดัดตนตามท่านฤๅษี ตามจังหวะอัดลมหายใจแบบในข้อที่ ๑ และข้อที่ ๒ ดู จะรู้ตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับจิตใจและร่างกาย อาการเจ็บป่วยตามที่ท่านยืนยันจะหายเป็นปลิดทิ้ง แทบจะทันที่ที่ทำดูเพียงครั้งเดียว

แผ่นเนื้อแผ่นหนัง อาการ ๓๒ ที่ถูกฝึกตาม ๒ ข้อข้างต้น  จะเกิดการรีดอากาศที่คาอยู่ที่ปลายประสาททั้งหมดออก...ทำให้กลับมาแข็งแรงกว่าเดิมทุกประการ (เปรียบเทียบกับการไล่ลมในท่อน้ำมันเบรครถยนต์   แต่ร่างกายที่เราฝึกอัดลมหายใจตามกล่าวข้างต้น   คือการไล่ลมที่คั่งค้างในปลายเส้นประสาทครับ )  สำเร็จเป็นวิชาที่กำลังภายในจีนเรียกว่า  วิชาระฆังทองคลุมร่าง หรือ
วิชาเสื้อเหล้ก
ในบันทึกใบลานทางเหนือท่านเรียกวิชานี้ว่า กัมมัฏฐานเกราะเหล็ก
แข็งแกร่งถึงที่สุดตามปรัมปราคงกะพันของไสยศาสตร์ไทยไม่มีอะไรให้กังขา....


"นายขยะ"
Atthanij Pokkasap
ถ่ายทอดจากประสบการณ์ความรู้เฉพาะตน




Atthanij Pokkasap  ลมหายใจที่เป็นระเบียบตามธรรมชาติที่ฝึกข้างต้นจะสร้างสนามแรงที่เกิดจากการไหลเวียนที่ทรงคุณภาพของเลือดสานกับสนามแม่เหล้กดวงดาว  เป็นที่มาของการคุ้มครองร่างกายให้พ้นภัยพิบัติธรรมชาติได้ด้วย...



เทคนิคการนับตัวอักษร ขณะมีสติ หายใจเข้า มีสติหายใจออก ในการฝึกอบรมอานาปานสติสมาธิ





*** Atthanij Pokkasap 8 hours ago


เทคนิคการนับตัวอักษร ขณะมีสติ หายใจเข้า มีสติหายใจออก
ในการฝึกอบรมอานาปานสติสมาธิ
ไม่ใช่กำหนดจังหวะการนับได้ตามใจตนเอง
หากแต่ท่านมีจังหวะการนับเป็นจังหวะที่สัมพันธ์กับ..
จังหวะการหมุนของโลก ที่แน่นอน ตายตัว ด้วยครับ

ปัญญาการหยั่งรู้ที่ท่านเรียกว่า รู้เนื่องด้วยกาย(กายานุปัสสนา)
ต้องปรับฐานไปที่ ..
ปัญญาโดยสัญชาตญาณ(จินตามยปัญญา)
ที่เป็นปัญญาแบบเดียวกับที่สัตว์ที่ชาญฉลาดหลายๆพันธุ์
เขามีกัน ไม่ว่าจะเป็นปลวก นกกระจาบ ปลาแซลมอน
นกพิราบ ฯลฯ
คือปัญญาที่ผูกพัน และสัมพันธ์กับสนามแม่เหล็กดวงดาว

ความรู้พื้นฐานเรื่องปรากฏการณ์เวลา
ที่มีรายละเอียด อยู่ใน กัณฑ์ที่ ๙(นวมกัณฑ์)ของไตรภูมิพระร่วง
และมาตรากระจายเวลา ที่ใช้อยู่ในวิชาโหราศาสตร์ไทย
ย่อมไปสอดคล้องกับ เหตุผลที่ว่า..
ทำไม หลักสูตรการศึกษาพุทธตันตระโบราณของไทย
(ไสยศาสตร์ไทย)จึงต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษา
* คัมภีร์ปถมัง *
ซึ่งว่าด้วย.. สัญลักษณ์เส้นสายเรขาคณิตของ
จุติ-อุบัติ ของดาราจักรทางช้างเผือก(จักรวาลแสนโกฏิ)

เพราะต้องการจัดระเบียบจิตสำนึกพื้นฐาน
ให้เป็นเอกภาพร่วมกับธรรมชาติของดวงดาว นั่นเอง
เป็นรากฐานที่มาของ การรู้เห็น.. ตามเป็นจริง

ไม่ใช่เอาอุปาทานแห่งความไม่รู้อะไรเลย
ไปเที่ยวกำหนดสร้างขึ้นมาเองอย่างที่
ทุกสำนักกำลังกระทำกันอยู่ ..!!!!




Atthanij Pokkasap  มันจะเหนือโลกได้อย่างไร ในเมื่อไอ้ที่ทำๆ เรียนๆกันอยู่ไม่ได้รู้จัก..โลก เอาเสียเลย !!!


Chanasorn Suadprakon    จารย์อธิบายดีครับ เหมือรในมหาเวทน์มวยไทย แต่ใช้คำว่า
ไสยศาสตร์ มันทำให้คนแอนตี้เอานะครับ


Atthanij Pokkasap  ให้มันแอนตี้ไป ถ้ามันโง่จริง...ไสยศาสตร์ที่มันตั้งความหมายกันเอาเอง...มันได้แสดงความเป็นเผด็จการทางความคิดไปแล้ว ให้..แมร่งโง่ต่อไป...ถือดียังไงมากำหนดความหมายวิทยาการการที่มันเองไม่ได้ศึกษา?


Chanasorn Suadprakon    ครับ และพุทธศาสตร์ กับ ไสยศาสตร์ นี่ต่างกันยังไงครับ ทำไมสมัยพุทธกาลถึงห้ามพระเล่นไสยศาสตร์


Atthanij Pokkasap  ไม่ได้ห้ามเล่นไสย แต่ห้ามใช้เดรัจฉานวิชาแสวงหาลาภสัการะ ไสยศาสตร์ กับเดรัจฉานวิชา ต่างกันตรงที่ไสยศาสตร์ไม่ใช้แสวงหาลาภสักการะ ใครใช้แสวงหา
ลาภสักการะเป็นเดรัจฉานวิชาทันที


Atthanij Pokkasap  วิทยาศาสตร์ก็เหมือนกันใครมันเอาไปรับใช้นายทุน มันก็หมด
ความเป็นวิทยาศาสตร์ไปทันทีเหมือนกัน..ปัจจุบันยังไม่รู้ตัวกันอีกก็คือ มิจฉาทิฏฐิ


Chanasorn Suadprakon    ครับ เก็ทและ ขอบคุณ