เหล่าทิพยกายทั้งหลายจะยอมปรากฏกายติดต่อกับเหล่าผู้ที่ไม่ใช่สาโลหิตของตนในโลกมนุษย์นี้
ก็ต่อเมื่อ "มีผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น"
ดังนั้นไม่ต้องไปเสียเวลาประกาศท้าเรียกหาเทวดาที่ไหนให้เสียเวลา เพราะหากตัวของคุณไม่มีในสิ่งที่ทิพยกายเหล่านั้นต้องการ ตัวคุณก็ไม่มีค่าพอให้ทิพยกายเหล่านั้นต้องเสียเวลาปรากฏกายออกมาเสวนากับคุณด้วย!
ชัยพร ถูกใจสุดๆเลยครับนี้ละตรงประเด็น
Atthanij Pokkasap
ให้มันประกาศท้าเรียกทำมาหากินดู๊...ประกาศท้าแล้วมีเงินใช้...มีงานทำ...ถ้ามันทำให้การประกาศท้าของมันเลี้ยงตัวมันได้...การประกาศท้าระยำของมันนี้
คือวิทยาศาสตร์...ถ้าไม่ได้...ควาย....
Panu โดนกินหมดตัวแล้ว เรียกมามาก
สติสตังโดนกินหมด
Panu ขนาดคนยังคบกันเพื่อประโยชน์(ทั้งดีและเลว)
แล้วเทวดาจะไปเหลืออะไร คนเราถ้าคบกันแล้วไม่เกิดประโยชน์แล้วจะคบกันไปทำไม???
ชัยพร กฏธรรมชาติสากลครับประโยชน์ต่างตอบแทนถึงจะไม่ใช่ในรูปของวัตถุก็เถอะครับแต่อย่างน้อยก็เรื่องอุดมการณ์ต้องตรงกันครับ
Panu นิวเคลียร์ฟิวชั่นครับ
อนุภาคแต่ละตัวสละส่วนหนึ่งของตนเพื่อสร้างอนุภาคอื่นที่จะย้อนกลับมาสร้างตัวเอง
พฤติกรรมของกุศลคือปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นครับ!
ชัยพร เป็นการสร้างตัวแบบทวีคุณใช่ไหมครับ
Panu ให้เพื่อได้ครับ
เป็นวงจรแห่งการให้ที่ไม่รู้จบซึ่งมีพลังและอานุภาพมากเพราะนิวเคลียร์ฟิวชั่นเป็นปฏิกิริยาที่เกิดในดวงอาทิตย์ครับ
ชัยพร อาจารย์อธิบายการสร้างตัวแบบปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นในแบบของพฤติกรรมของกุศลให้เป็นรูปธรรมที่เข้าใจง่ายให้ทราบหน่อยครับ
ว่ากันว่าปฎิกริยานี้ไม่อาจควบคุมได้ครับมันจะสร้างพลังงานได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนยากจะควบคุมครับ
Panu ผมได้ทราบจากอาจารย์มาก็หลงๆลืมๆ
อย่างหยาบๆก็คือพฤติกรรมของการเสียสละและทานนั่นละครับ
Atthanij Pokkasap กุศลกรรม มีขอบเขต ...อกุศลกรรมต่างหากที่ไม่มีขอบเขต
เพราะกุศลกรรมมีขอบเขต
จิตจึงพัฒนาตามขอบเขตของขั้นตอนไปสู่การหลุดพ้นได้...
แต่...ขอบเขตของกุศลกรรม มีอานุภาพยิ่งใหญ่ประจักษ์เห็นได้
เหนือกว่า อกุศลกรรมที่แม้ไร้ขอบเขต...ที่เป็นอานุภาพเพียงเบียดเบียนตนและผู้อื่น
ไม่ได้ปกป้อง แบบกุศลกรรม ที่มีขอบเขตแต่การปกป้อง...ไร้ขอบเขต ครับ
ชัยพร อกุศลแม้มีอำนาจไม่มีขอบเขตให้ผลเป็นอัศจรรย์น่าสยดสยองในรูปแบบต่างๆโดยไม่จำกัด แต่จะไม่สามารถให้ผลเป็นนิรันดร์ได้อย่างมากก็ส่งสู่อเวจีมหานรกแม้ให้ผลแห่งอกุศลเป็นอนันต์มีเวลายาวนานเป็นอสงขัยกัปก็ตาม แต่ก็มีเวลาสิ้นสุด
ผิดกับกุศลกรรมที่ที่สุดแล้วก็ให้ผลถึงความเป็นนิรันดร์คือพระนิพพานได้อย่างนี้ แล้วทำไมจึงได้กล่าวว่ากุศลกรรมมีขอบเขตแต่อกุศลกรรมไม่มีขอบเขต
ขออาจารย์โปรดทำเรื่องนี้ให้กระจ่างเพื่อประดับปัญญาให้ผมได้ทราบด้วยครับ
Panu ผมเองทราบแต่ทางอกุศลซะด้วยสิ
ผลจากอกุศลที่กระทำต่อธรรมชาติ ก็คือ ภัยธรรมชาติทั้งหลาย จิตอกุศลไปจับส่วนใดของธรรมชาติ
หายนะทั้งนั้นครับ ยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์หลายเท่า
ชัยพร ในทางวิทยาศาสตร์เราควรจะเรียกปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าอะไรดีครับ
Atthanij Pokkasap
การปฏิบัติธรรมที่มีขั้นตอน(คณกะโมคคัลลานสูตร ข้อ ๙๔ อุปริปัณณาสก์
มัชฌิมนิกาย พระไตรปิฎก เล่ม 14/45)แสดงให้เห็นถึงการ
"ก้าวล่วง" กุศลกรรมทีละขั้น ๆ...บ่งบอกว่า กุศลกรรมมีขอบเขต(หนุนส่งกัน)จนที่สุดจึงไปสู่อานุภาพไร้ขอบเขต...
No comments:
Post a Comment