ที่พระแสดง หลังรับบิณฑบาต
และ เหตุบุญทานอื่นๆ
อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง,
...สิ่งที่ต้องการแล้ว ปรารถนาแล้ว
ขิปปะเมวะ สมิชฌะตุ,
สัพเพปุเรนตุ สังกัปปา
...ขอความดำริทั้งปวง จงเต็ม
จันโท ปัณณะระโส ยะถา
...ดังดวงจันทร์ ซึ่งมีในดิถีขึ้น ๑๕ ค่ำ
มะณิ โชติระโส ยะถาฯ
...ดังดวงแก้วมณี ชื่อ โชติรส เทอญฯ
เป็นคาถาอนุโมทนา ของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายมาก่อนหน้า
ซึ่งประวัติของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มีปรากฏอยู่ทั่วไปใน เถระ-เถรีคาถา เถราปทาน และชาดก ซึ่งล้วนเป็นประวัติศาสตร์ดึกดำบรรพ์ของพระพุทธศาสนา ทั้งสิ้น
เมื่อเข้าใจความหมาย เวลากล่าวแสดง พึงกำหนดภาพ ดวงแก้วแห่งความปีติอิ่มเอมนี้ผ่านน้ำเสียงแผ่ไปให้ผู้นมัสการรับ...จะได้รับรสชาติเต็มๆของกุศลจิต ครับ
อย่าสักแต่กล่าวกถาด้วยจิตที่กระด้างและแห้งแล้งอยู่ เลย....
No comments:
Post a Comment