67.1.พระพุทธเจ้า - พระธรรม - พระสงฆ์ - วิทยาศาสตร์ - นิยาย - มวยไทย - ประวัติศาสตร์ - โหราศาสตร์ -ไสยศาสตร์ - ศาสนา - ภาษา - คณิตศาสตร์ - จิต - จักรวาล - สมาธิ - โยคะ - ดนตรี - ศิลปะ - เกษตรกรรม - สมุนไพร - อาหาร = สุขภาพและชีวิตที่ดีงาม
*** Atthanij Pokkasap :
กองลมทั้ง 6 ไปสู่จิต....
จิต คือ ตัวเหตุการณ์ทั้งหมด ของ ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค
การเข้าบริหารจัดการ กองลมทั้ง 6 คือการเข้าสู่การพิสูจน์..ฐานที่นำไปสู่ สมุทัยแห่งจิต
***** วรรณพันธ์ พัทธ์อรรถ added 5 new photos — with Atthanij Pokkasap and อรรถพล อรรถาเพ็ชร. 2 hrs
การค้นพบตนเอง
เรื่อง:การหายใจที่ถูกวิธีและประณีต
ขอทวนใหม่เล็กน้อยครับ กระผมได้ทำเผื่อไว้สำหรับทั้งบุคคลที่ทำอยู่แล้วแต่ไม่เข้าใจและสำหรับบุคคลที่สนใจที่จะทำนะครับ
ตัวกระผมเองได้ปฏิบัติจริงตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม แต่มีการเตรียมพร้อมร่างกายมาตั้งแต่ต้นเดือนถึงกลางเดือนตุลาคมครับ
ผลคือ ถ้าทำสม่ำเสมอทั้งเช้าและก่อนนอน(แรกๆจะไม่เจอผลที่ชัดเจนเท่าไรนัก) ร่างกายจะรู้สึกง่วงน้อยลง หาวน้อยลง
(ถ้าไม่จริง คนแบบผมที่นอนไม่ถึง 6 ชั่วโมงคงตื่นมาแล้วมาง่วงในที่ทำงานอะครับ)
หมายเหตุ:
ใครจะทำ อย่าทำด้วยตนเองนะครับ ถามผู้รู้ก่อนนะ (ที่กระผมแท็กไว้นั้นแหละครับ) จะถามผมก็พอได้นะแต่รู้สู้ที่กระผมแท็กไม่ได้เลย
ที่ไม่ให้ทำด้วยตนเองเพราะส่วนมากทำผิดวิธีและก็จะมาโทษหลักการว่า ไม่ได้เรื่อง อีก
ขอแจ้งเพิ่มเติม: ที่มีในที่นี้เป็นเพียงความรู้พื้นฐานเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดครับ
เริ่มต้นเลยนะครับ
ก่อนที่จะทำควรเตรียมพร้อมร่างกายสักสามถึงเจ็ดวันด้วยการ "หายใจแบบเข้าออกสุด"
อย่าหายใจทางปากและอย่าพยายามทำให้เกิดเสียงดังมากเกินไป เพราะไม่ใช่การหายใจตามธรรมชาติเลย
การหายใจควรทำทางจมูกเพราะจะเข้าปอดเต็มๆ ส่วนทางปากเข้าท้องและทำไปก็จะแทบไร้ประโยชน์เพราะไม่ได้เป็นการหายใจจริงๆ
ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่หัดทำนะครับ
1.พยายามอย่าเน้นปริมาณจนลืมความละเอียด ตัวเลขสำคัญ แต่ถ้าในแต่ละตัวเลขความละเอียดต่ำ ก็เหมือนหน่วยความจำต่ำๆแต่มีมากแหละครับ
2.เตรียมร่างกายด้วยการหายใจเข้าออกสุด ขั้นต่ำสามรอบถึงห้ารอบครับ
3.ให้หายใจออกสุดแล้วกระโดดตามคาบที่ต้องการและหายใจเข้าสุดและกระโดดตามคาบที่ต้องการเช่นกัน (อย่าโดดไปหายใจไปนะ เดี๋ยวจะเหนื่อยเอา)
4.ช่วงแรกๆถ้าทำแล้วตื่นตัวและรู้สึกว่าสมองทำงานมีประสิทธิภาพมากขิ้น ถือว่า เป็นเรื่องปกติ (ใครไม่ได้ผลจากกักลมอัสมิตาช่วงแรกๆถือว่า ทำผิดวิธีการนะครับ เพราะตัวผมเองทำมาแล้วและได้ผลดีด้วยครับ)
5.ทำตอนเช้าดีที่สุด (สามถึงห้ารอบกำลังดี) เพราะจะรู้สึกง่วงน้อยลง (อย่างผมไปเน้นทั้งปริมาณและความละเอียดขั้นต่ำที่ 30 30 ถึง 60 80
ฉะนั้นถ้าผมกักลมอัสมิตาเมื่อไรขั้นต่ำคือ 10-15 นาที นะครับ)
6.ทำตอนกลางคืนจะทำให้ออกซิเจนในร่างกายมีมากขิ้นและร่างกายจะต้องการนอนน้อยลง (อย่างผมนอนเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งกว่าๆทุกวัน
แต่ไม่ง่วงก็เพราะกักลมอัสมิตานี้แหละครับ)
7.ถ้าทำตอนกลางคืนให้ทำอัตราต่ำกว่าตอนเช้าให้มาก มิฉะนั้นจะนอนยากมากและเมื่อทำเสร็จให้หายใจเข้าออกสุดในขณะที่จะนอน
เพื่อจะให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการนอนเหมือนบุคคลทั่วไป
ใครสงสัยอะไร ถามที่ความคิดเห็นได้เลยครับ เดี๋ยวตอบทีละคำถามเลยครับ
(ถามซ้ำก็จะตอบครับ เพราะสภาพร่างกายและจิตใจในแต่ละคนไม่เหมือนกัน คำตอบย่อมไม่เหมือนกัน
ส่วนใครที่เป็นเพื่อนกับผมหรือใครที่แอดผมมาแล้วผมรับเป็นเพื่อน สามารถส่งข้อความที่แชทผมได้นะครับ)
หลังจากนี้จะเป็นเนื้อหาจริงๆนะครับ
มี 2 ขั้นตอน ครับ
ขั้นตอนที่ 1 กักลมอัสมิตา
1.1 ได้แก่ หายใจออก-ออกให้สุด สุดแล้วเกร็งช่วงล่างของร่างกายให้แน่น กลั้นใจไว้ กระโดดเขย่าๆๆๆ..นับ 1 ถึง 10 (ใหม่ๆ)
ชำนาญแล้วค่อยขยายเป็น ถึง 20-30
1.2 ได้แก่ ต่อจากข้อ 1.1 หายใจเข้า-เข้าให้สุด สุดแล้วเกร็งช่วงบนลำตัวให้แน่น กลั้นใจไว้ กระโดด เขย่าๆๆๆๆ นับ 1 ถึง 20(ใหม่ๆ)
ชำนาญแล้ว ค่อย ขยาย เป็น 30-50
เหตุผล...เพื่อจัดระเบียบลมที่คั่งค้างไม่อยู่ในระเบียบของ ธาตุลม 6 (อุทธัง,อัทโธ,กุจฉิ,โกฏฐา, อังคมังคา,อัสสาปัสสา)
ซึ่งจะมีผลถึงเซลล์ 100 ล้านล้านเซลล์ทั่วร่างกายด้วย จะมีการสันดาปดีขึ้น
ขั้นตอนที่ 1 นี้ ให้ทำ 2-5 ครั้ง ก่อนอาบน้ำ เช้า-ค่ำ พอ...จะเพิ่มรอบพิเศษ ก็ตามใจเมื่อปฏิบัติเห็นผลด้วยตัวเองแล้ว
และจะทำให้ลมหายใจ (อัสสาปัสสา) ยาว ลึก ละเอียดขึ้นตามธรรมชาติของสรีระอย่างแท้จริง
(ยาวลึกปกติถ้ากำหนดเองเป็นอุปาทานนะครับ)
เจตนาของการกักลมอัสมิตา...คือการตรึงลมจาก ธาตุลม 6 กอง ได้แก่..
กองที่ 1. อุทธังคมาวาต
..ลมพัดจากเท้าขึ้นสู่ศรีษะ
....กองลมนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการหายใจออก
กองที่ 2. อัทโธคมาวาต
..ลมพัดจากศรีษะลงสู่เท้า
....กองลมนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆกับ การหายใจเข้า
กองที่ 3. กุจฉิสยาวาต
...ลมพัดในท้อง
...กองลมนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับ จังหวะการเปลี่ยนถ่ายลมหายใจเข้ามาเป็นลมหายใจออก
กองที่ 4. โกฏฐาสยาวาต
.. ลมพัดในลำไส้ใหญ่
...กองลมนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับจังหวะเปลี่ยนถ่าย ลมหายใจออกมาเป็นลมหายใจเข้า
กองที่ 5. อังคมังคานุสารีวาต
..ลมพัดในกายทั่วไป
...กองลมนี้เกิดพร้อมๆ กองลมสี่กองข้างต้น
กองที่ 6. อัสสาสะปัสสาสวาต
..ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
...กองลมนี้เกิดจากจิตที่ช่องหัวใจ(หทยัง คูหา)พิกัดที่ป้อนประจุไฟฟ้าให้เซลล์เม็ดเลือดซึ่งมีสี่สถานีควบคุมจังหวะการสูบฉีดที่สัมพันธ์กับ
สารรักษาระดับความดันจากตับ และถุงน้ำดี
การตรึงธาตุลม 6 กอง โดยตั้งศูนย์กลางไว้ที่พิกัด สันหลังระดับอกซึ่งเป็นศูนย์กลางของธาตุลมภายใน(อันโตวาโยธาตุ)ทั้งหมดของสรีระ
...ก็เพื่อการปรากฏของ ดอกบัวอนาหตะที่เป็นภาพนิมิตของธาตุลมภายในเอง ไม่ใช่จินตภาพที่เราสร้าง
...แต่เมื่อลมถูกรวมศูนย์กลางไว้จากการปฏิบัติที่ถูกต้องสะสมอย่างต่อเนื่อง
ดอกบัวอนาหตะจะปรากฏเป็นนิมิตศูนย์กลางของธาตุลมภายในของสรีระทั้งหมดโดยธรรมชาติเอง ครับ...
การปฏิบัติให้ถูกต้องจึงมีความจำเป็นอย่างใหญ่หลวง
สีฟ้า แสดงถึงสุขภาพที่สมบูรณ์ที่ก่อเกื้อหนุนระหว่างสรีระกับธาตุลมภายใน
และ ธาตุลม คือตัวห่อหุ้มอุ้มธาตุน้ำ(สวาธิษฐาน..ระดับปลายองค์กำเนิด)
...ธาตุน้ำห่อหุ้มอุ้มธาตุดิน(มูลาธาร..กุณฑลินี)
โฆษณาส่งท้ายอีกนิด...
การฝึกนี้คือการพยายามให้ลมที่ตกค้างและไปไม่ถึงระบบการหายใจภายใน(Metabolism)
Metabolism คือระบบภายในร่างกาย ถ้าทำงานนี้ดีระบบของร่างกายก็จะสมดุล ต่อให้กินมากมาย น้ำหนักก็จะไม่เพิ่มมากนัก เป็นต้น
...โดยให้ไปให้ถึงโดยการเขย่าๆ(แบบระบบคอนกรีตอัดแรง)
เซลล์จะตื่นตัวพยายามทำงานโดยดึงออกซิเจนจากลมที่ตกค้างไปใช้...
ทำให้การหายใจภายในหมดจด ลดอาการปวดเมื่อยและอาการอ่อนแอขั้นพื้นฐานของเซลล์...และ
ที่สุดจะเข้าถึง สถานภาพของ "อาภัสสรพรหม" ที่เป็นปฐมกำเนิดตัวชีวิตมนุษย์ตาม พระพุทธวจนะใน "อัคคัญญสูตร"
เมื่อคุ้นเคยเท็คนิคนี้มากๆ...เราสามารถกระตุ้นให้เซลล์ สร้าง "ถุงลมนิรภัย" ป้องกันภัยใหญ่ๆ ร้ายแรงได้...
จากการคำนวณว่า 500 เซลล์ คือ จุด(.) ถ้าเราทำได้ ขนาด 1 ล้านเซลล์ หรือ ถึง 10 ล้านเซลล์ ตำนานคงกะพัน แคล้วคลาด
เราก็ทำได้โดยวิธีการนี้ เช่นกัน ครับ(ผมเคยทำได้มาแล้วในอุบัติเหตุใหญ่ๆหลายครั้งของชีวิต)
การกักลม พื้นฐานก็คือการฝึกให้คุ้นเคยกับ "เชือกกลึง ของเครื่องกลึง" ที่พระพุทธเจ้าตรัสอุปมาไว้ในมหาสติปัฏฐาน 4 ว่า
เสมือนลมหายใจ ที่นายช่างกลึงผู้ชำนาญชักเพื่อกลึง....ฯลฯ
คือเข้าถึงความลึก ความประณีตโดยธรรมชาติของสรีระของร่างกายเราเอง...
ไม่ใช่มากำหนดเอาเองจากการที่ไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับระบบหายใจตามธรรมชาติที่แท้จริงของสรีระ...ครับ !!!
(ลมขาก..เสลด..ลมไอในลำคอ เคยรู้อานุภาพเขาไหมว่า มีความเร็วลมตั้งแต่ 150 กม./ชม. ถึง 300 กม./ชม.....แรงเท่ากับระดับ ๕ ของพายุทอร์นาโด หรือไต้ฝุ่น???!!!!)...
การฝึก กักลมอัสมิตา...ก็เพราะยอมรับว่า
1. ธาตุลม คือต้นทางพลวัตที่สังเคราะห์ธาตุน้ำ ธาตุน้ำ
คือต้นทางสังเคราะห์ธาตุดิน ตามประสบการณ์ค้นพบของพระพุทธเจ้า จาก ภูมิจาละสูตร, จาก ธัมมิกสูตร ฯลฯ
2. ลมหายใจลึก ลมหายใจยาว ลมหายใจประณีต...
กำหนดเอาเองไม่ได้..ต้องเข้าถึง ที่สุดของธรรมชาติแห่งสรีระของเราเองเสียก่อน
เทคนิคการเข้าถึงก็คือการกักลมสมิตา...อัดอกเพื่อให้ลมแผ่ไปถึงที่สุดแห่งสรีระตามเป็นจริง ตามการอุปมาที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงเชือกกลึง ของเครื่องกลึงในมหาสติปัฏฐานสูตร
การกักลมอัสมิตา...จุดประสงค์คือ
1. กระตุ้นผูกความรู้สึกระหว่างการหายใจออก-หายใจเข้ากับ มโนธาตุ/มโนวิญญาณธาตุ
2. ชำระ อากาศที่ตกค้าง 5/6 ให้เซลล์นำไปใช้ให้หมด
3. จัดระเบียบ ลมในกองธาตุ ให้มีประสิทธิภาพส่งเสริมการทำงานของ อาการ 32 ให้มีประสิทธิภาพร่วมกันสูงสุด
คัมภีร์ปถมังวรรคที่ 9 ที่แต่งเพิ่มในปลายกรุงศรีอยุธยาน่าจะสมัย สมเด็จพระบรมโกศ (พ.ศ.2275-2301)
ที่สยามต้องไปต่อศาสนาพุทธให้ศรีลังกานั่นแหละ ได้ซ่อนวิชาชั้นสูงสุดของ เมฆฉายสูรย์จันทร์เอาไว้
ถ้าไม่มี "กักลมอัสมิตา" เข้ามาเชื่อมต่อ...ใครก็ไม่มีทางเข้าถึงเจตนาของครูอาจาริยะ และพระพุทธศาสนา....ดั้งเดิม
เพราะ เดือนตะวันเบิกเมฆ คือ อาคมชั้นสูงสุดในไสยศาสตร์ไทยที่อาศัย จิตขณะกักลมอัสมิตา เป็นตัวกำหนดคาบอันศักดิ์สิทธิ์...ของบทอิติปิโส หรือพุทธคุณที่มีอยู่ใน ยันต์และเครื่องราง ทั้งหมด
ครับ...คุณสมบัติสูงสุด ที่ซ่อนร่องรอยต้นกำเนิดดึกดำบรรพ์ไว้ใน
วิญญาณ>นามรูป, นามรูป>วิญญาณ
คือ ที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่า "อาภัสสระพรหม" มิวเตชั่นลงมาเป็นมนุษย์ ในอัคคัญญสูตร...
ที่ผู้รู้ทั้งหลายเชื่อมต่อไม่ได้ ถึงขั้นปฏิเสธ ว่าไม่ใช่พระพุทธวจนะ คือเรื่องนี้เอง !!!
แต่พระพุทธศาสนาดั้งเดิมกลับอาศัยร่องรอยกำเนิดดึกดำบรรพ์นี้ ไปสู่ขั้นที่ละเอียดอ่อนยิ่งๆกว่า คือ ...
ดับอาภัสสรพรหม = วิเวกสุขสมาบัติ
ดับสุภกิณหพรหม= สมาธิสุขสมาบัติ
ดับเวหัปผลพรหม= สัมโพธิสุข
ขยายผล สัมโพธิสุข สู่อรูปพรหม...คือ
อากาสานัญจายตนะ(ความว่าง-เทสะ) คือ อวกาศ (เวลาที่ไร้ขีดจำกัด) >
วิญญาณัญจายตนะ(กาละ หรือเวลา)>
อากิญญจัญญายตนะ(พ้นไปจาก อะไรอะไร)>
เนวสัญญานาสัญญายตนะ
แล้วใช้เทคนิคแบบเดียว สมาบัติในรูปพรหม ดับ เกิดเป็น สสังขารนิพพาน คือ
สัญญาเวทยิตนิโรธ...สมาบัตินิพพาน ที่ทรงอานุภาพ สูงสุดของ ทักขิไณยบุคคล ขึ้นและ...เป็นหน้าที่สูงสุดที่พระพุทธศาสนาให้กลับมาคลี่คลายชีวิตที่เหลื่อมล้ำในสังคมมหภาค แบบฉับพลัน เป็นที่สุด ครับ....
ไม่ได้ง่าย ลื่นไหลอย่างที่เข้าใจและเรียนรู้กันทั่วไป
แบบไม่เอาเรื่องร่างกายเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างผิดหลักอิทัปปัจจยตา ผิดหลักปฏิจจสมุปปาท ที่นิยมกันทั่วในปัจจุบัน แต่อย่างใด ครับ!!!
"ท่านั่งรวมจิตทำสมาธิ"
ท่านเรียกว่า "นั่งคู้บัลลังก์" ตั้งกายตรง
คู้บัลลังก์ ก็คือนั่งขัดสมาธิ(นั่งขัดสะหมาด)
แบบราบ ก็..พับขาขวาทับพับขาซ้าย
เหมาะสำหรับ การฝึกหายใจแบบกระจายกองธาตุลมทั้ง ๖ ให้ซ่านไปทุกอณูขุมขน เหมือนไทรใหญ่ แผ่ก้านกิ่งใบขยายร่ม
นั่งแบบขัดสมาธิเพชร
คือไขว้ขาทั้งสองให้เท้าขัดกันขึ้นมาวางบนตัก เป็นแบบสิงห์(ดูพระพุทธรูปปางเชียงแสน)
แบบนี้ต้องการควบคุมกองลมให้เป็นเอกเทศสลายเป็นสูรย์จันทร์ แล้วสลายเป็นสุญญตาในที่สุด
ใหม่ๆ ก็เลือกท่าขัดสมาธิราบ แล้วฝึกดูตามจุดประสงค์ของท่า แล้วก็ฝึก ขัดสมาธิเพชรสลับไปด้วยให้คุ้นเคยทั้งสองท่านั่นล่ะครับ...
สังเกตตัวเองไปว่าพื้นนิสัยเหมาะสมกับท่านั่งหลักแบบไหน เมื่อเข้าสมาธิได้คล่องแล้ว ท่านั่งพื้นฐานทั้งสองท่า ก็ไม่ต้องเคร่งครัด ครับ
ตับ-ยกนํ(Yakanam) ทำงานร่วมกับ หัวใจ-หทยํ(Hadayam)
อย่างใกล้ชิดในแง่สร้างพลวัตแห่งวิญญาณ(จิต)ที่สร้างนามรูป ในส่วนของปัญญา
เป็น 1 ใน 2 ของอาการ 32 ที่เกี่ยวกับปัญญาของมนุษย์
ทุกครั้งที่มีการถอน กลูโคส สารสร้างพลังงานภายในเซลล์ไปจากการไหลเวียนของโลหิต
ตับจะต้องทำหน้าที่เติมเต็ม กลูโคสให้เลือดอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่เซลล์ทั้งร่างกายทำงาน กลัยโคเย่น(Glycogen)
คือสารที่ต้องสลายตัวให้พลังงาน แล้วจะเกิด คาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ(ความชื้น)
ถ้าออกซิเจนจากการหายใจไม่เพียงพอ จะมีสารตัวหนึ่งจากการสลายตัวของกลัยโคเย่นไม่หมด
คือ กรดไพรูวิคจะกลายสภาพเป็น กรดแล็คติค จะถูกนำกลับไปยังตับ
การสลายตัวไม่หมดของ กลัยโคเย่น
เพราะขาดออกซิเจนนี้เอง ทำให้กรดแล็คติค คั่งอยู่ในตับ เป็นที่มาของการทำงานผิดปกติของตับ
ต้นเหตุความผิดปกติของตับ...มาจากการขาดออกซิเจน ครับ
ที่ถูกต้อง...คุณต้องฝึกหายใจเพิ่มออกซิเจนให้เต็มตามความต้องการของตับ ครับ
เป็นการค้นพบของวิชา Biological Chemistry เพื่อ Food Nutrition ของภาควิชาวิชาวิทยาศาสตร์สาขาโภชนศาสตร์ เมื่อ 30-50 ปีมาแล้วครับ
ที่ผมพบว่าสอดคล้องกับ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสยืนยันว่า อานาปานสติทำให้กายไม่ลำบาก ตาไม่ลำบาก ซึ่งมีนัยะลึกซึ้งมาก
เมื่อตามศึกษาลึกเข้าไปถึง อาการ 32 เท่าที่ปรากฏมีในคัมภีร์ประกอบหลักฐานและปฏิบัติด้วยตนเอง....
ด้วยข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย(คำสอนพระพุทธศาสนา+วิทยาศาสตร์โภชนาการ) ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องลังเลเลย...
ตอนนี้ จับแค่ไอเย็นที่วาบมาจากแถวๆฝีเย็บ ลองกึ่งไล่กึ่งพิจารณา กึ่งกำหนดให้เป็นสายแนบสันหลังขึ้นมาผ่านก้านคอ
เข้าหลังกระบอกตาออกระหว่างคิ้ว...อันนี้จะเป็น สูรยะกลา(สูรย์)
ถ้าเตลิดขึ้นกระหม่อม...อันนี้จะเป็นจันทระกลา(จันทร์) อุณหภูมิที่สัมผัสได้ก็ต่างกันด้วย
...สูรย์จะร้อนกายซีกขวา จันทร์จะเย็นกายซีกซ้าย ตามเซลล์ 2 ตัวแรกที่แยกตัวกันออกมา หลัง สเปิร์มพ่อ ผสมไข่แม่เรียบร้อยแล้ว
...เซลล์เพศชายจะเป็นสูรย์จันทร์ ขวาซ้าย ของหญิงจะซ้ายขวา
เมื่อกระแสสูรย์จันทร์เกิดแล้ว...อีก 8 ปราณจะเกิดตามมา...ครับ
+++
ลำดับการรัดก่อนกักลม คือ
1.ขมิบฝีเย็บ คือ กลั้นเยี่ยวกลั้นขี้ให้แน่นก่อน แล้วจึง...
2.อกตั้งตึง ไหล่ผาย พร้อมหายใจออกช้าๆ จนสุด
3.เมื่อสุดแล้ว ช่วงท้องจะรัดแน่นเป็นแนวเองตามธรรมชาติของร่างกาย
หากหายใจให้สุดจริงๆ ช่วงท้องนี้จะรัดแน่นมากเป็นพิเศษ จากนั้นจึ้งกลั้นใจเบ่งให้เต็มที่แล้วจึงกักลม กระโดดเขย่าๆ...
เมื่อทำตามลำดับอย่างนี้...
จะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นสำหรับร่างกายตามปกติ...
มีแต่จะเพิ่มประสิทธิภาพ...ถ้าไม่มีลำดับ ก็จะแกว่ง ไปทั่ว ครับ
Cr. อ.อัตถนิช โภคทรัพย์ (ผู้ค้นพบความรู้)
อรรถพล อรรถาเพ็ชร (ผู้เรียบเรียงเนื้อหาเดิม)
ชนสรณ์ สวดประโคน (ผู้จัดทำแบบจำลองกองลมทั้ง 6 และร่างกาย)
ตัวกระผมเองที่ทั้งเพิ่มเติมและเรียบเรียงเนื้อหา
และทุกๆคนในนี้ที่จะได้ความรู้ดีๆกันครับ
++++++++++++++++
* ...ถ้าท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมที่แท้จริง...
และเพื่อเพิ่มความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนากับประวัติศาสตร์แห่งความเป็นชาติไทย-สยาม...
ผ่านการเรียนรู้ศิลปะมวยไทย/จิตกรรมไทย/นาฏศิลป์ไทยอันแฝงความลึกลับสูงส่งซับซ้อนและงดงามสอดคล้องกับความรู้แห่งการค้นพบแนวความคิดเชิงวิทยาศาสตร์สมัยใหม่อย่างน่าอัศจรรย์ใจ...
อันจะเป็นไปเพื่อการเพิ่มพูนแห่งศรัทธาและความเพียรในพระศาสนานี้และตระหนักในอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนแห่งความเป็นชนชาติอันยิ่งใหญ่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมโลกอันใหญ่ยิ่ง....
โปรดติดต่อ : อ.อัตถนิช โภคทรัพย์
https://www.facebook.com/atthanij.pokkasap
โทร : 08-0742-5957 / 668-0742-5957
++++++
https://www.facebook.com/atthanij.pokkasap
Tel : 08-0742-5957 / 668-0742-5957
" " Mahaved Muay Thai Training Camp "
"มหาเวทย์มวยไทย เทรนนิ่ง แคมป์"
< Mahaved Muay Thai Training Camp & Natamuaythai Kids Meeting >
เปิดอบรม.....หลักสูตรเทรนนิ่ง ;
- Advance Classic Muay Thai
- Basic Classic Muay Thai for Kids (Nata-Muay Thai for Kids)
- Buddhatantra Yoga & Wisdom (Ruesi-dad-ton)
No comments:
Post a Comment