Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Saturday, January 14, 2017

77.Breaking Dharma PART 76





Breaking Dharma PART 76...!!!
....


ตอน วิพภันตกภิกษุ (Vibbhantaka Bhikkhu)
ผู้บรรลุมรรคผลบนตะแลงแกง (ขณะถูกประหารชีวิต)


อ่าน ธรรมบทคาถา ที่มาของเรื่องก่อนครับ
(ไม่เชื่อว่าจะมีใคร อ่านแล้วจับ "ใจความ" ได้) ;

ในพระไตรปิฎก ข้อ (๓๔) ธรรมบท ขุททกนิกาย ไตร.เล่ม ๒๕/๔๕
แปลไว้ดังนี้ ;

*...ท่านทั้งหลายจงเห็นบุคคลผู้ไม่มีกิเลสเพียงดังหมู่ไม้ในป่า
มีใจน้อมไปแล้วในความเพียร ดุจป่า
พ้นแล้วจากตัณหาเพียงดังป่า
ยังแล่นเข้าหาป่า นั่นแล
บุคคลนี้พ้นแล้วจากเครื่องผูก ยังแล่นเข้าหาเครื่องผูก.. *


สำนวนใน อรรถกถาแห่งธรรมบท (ธัมมปทัฏฐกถา) ภาค ๘
ท่านแปลไว้ ดังนี้ ;

*..บุคคลใด มีอาลัยดุจหมู่ไม้อันตั้งอยู่ในป่า ออกแล้ว
น้อมไปในป่า (คือ ตปธรรม) พ้นจากป่าแล้ว
ยังแล่นไปสู่ป่าตามเดิม ท่านทั้งหลายจงดูบุคคลนั้นนั่นแล
เขาพ้นแล้ว (จากเครื่องผูก) ยังแล่นไปสู่เครื่องผูกตามเดิม *




อธิบาย "ใจความ" แบบ "นายขยะ" ก็คือ
กิเลสตัณหา นี้ พระพุทธศาสนาท่านเปรียบเป็นป่าใหญ่รกชัฏ
ที่ใครต่อใครเมื่อเข้ามาแล้วต่างพากันเข้ามาหลงไม่พบทางออก
แต่มีคนๆหนึ่ง เคยมีความบากบั่นพยายาม
จนสามารถพ้นออกจากการหลงป่าไปได้แล้ว
แต่ก็ยังกลับเข้ามาหลงอยู่ในป่าอีก

ที่มาของ ธรรมบทคาถา บทนี้
เป็นภิกษุ รูปหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ (สัทธาวิหาริก) ในสำนัก
ของท่านพระมหากัสสปะ...๑ ในอสีติสาวก ผู้เลิศในธุดงควัตร
มีพฤติกรรมตามพระคาถา จึงมีชื่อเรียกว่า
วิพภันตกภิกษุ (Vibbhantaka Bhikkhu...ภิกษุผู้หมุนไปผิดทาง)



เนื้อเรื่องที่มา ท่านเล่าเป็นบันทึกไว้ดังนี้ ;

ภิกษุรูปหนึ่ง เป็นสัทธาวิหาริกในสำนักท่านพระมหากัสสปะ
แม้ยัง ฌาน ๔ ให้เกิดขึ้นได้แล้ว
แต่เมื่อได้เห็น "รูปารมณ์ อันเป็น วิสภาค"
ในเรือนของช่างทอง ผู้เป็นลุงของตน
เกิดมีจิตปฏิพัทธ์ในรูปารมณ์ นั้น สึกแล้ว.



อธิบาย ;

รูปารมณ์= รูป + อารมณ์
คือเกิดการปรุงแต่งความรู้สึกกับรูปที่ได้เห็น
จนจิตเกิดความรักใคร่ ต้นเหตุของรูป ซึ่งเป็นลูกสาวลุงของตน
วิสภาค=ส่วนที่เป็นตรงข้าม หรือเป็นข้าศึก
กับพฤติกรรมที่ตนกำลังเป็นอยู่  คือ ตนเป็นภิกษุผู้ทรงฌาน
ได้สมาธิ...สมาธิแตกเพราะลูกสาวลุงสวย น่ะล่ะครับ
ก็เลยสึกออกมา ให้ญาติผู้ใหญ่จัดการแต่งงานให้
(ได้เครดิตเพราะเป็นพระผู้เคยทรงฌานมาก่อน
ย่อมได้รับความศรัทธาเลื่อมใส  ญาติผู้ใหญ่จึงเป็นธุระให้)

ต่อมา เพราะความเป็นผู้ไม่รู้การงาน (คือขี้เกียจ  เพราะบวชพระนาน)
จึงถูกขับออกจากเรือนของตระกูล  เพราะทำอะไรไม่เป็น
จึงเที่ยวเลี้ยงชีพด้วยการโจรกรรม ด้วยคลุกคลีได้มิตรชั่ว

ต่อมา ในวันหนึ่ง ตำรวจปลอม...อึ๊ยยย์ ม่ายช่าย ราชบุรุษก็จับตัวได้
นำมัดแขน ไพล่หลัง เฆี่ยนด้วยหวาย
ประจานความผิดและโทษ ทุกๆ ทาง ๔ แพร่ง
แล้วนำไปสู่ ตะแลงแกง...แดนประหาร แต่เช้าตรู่

ท่านพระกัสสปะเถระผู้อาจารย์ กำลังจาริกเข้าเมืองเพื่อเที่ยวบิณฑบาต
เห็นลูกศิษย์ถูกราชบุรุษนำไปสู่ตะแลงแกงด้านประตูทิศหัวนอน
(ประตูเมืองทิศใต้ของนครราชคฤห์)

จึงขอให้พวกราชบุรุษผ่อนเครื่องจองจำให้หย่อนลงมา
แล้วเถระท่านได้กล่าวแก่ลูกศิษย์ว่า ;

" ศิษย์เราเอ๋ย
เธอจงคิดถึงกัมมัฏฐานที่เธอได้สั่งสมมาดีแล้ว
ในอดีตที่ผ่านมาให้ออกอีกเถิด"

พระเถระให้โอวาทแล้วก็ละจากไปเที่ยวบิณฑบาตตามเวลาปกติ
ลำดับนั้น พวกราชบุรุษก็ดึงเครื่องจองจำยกสูงขึ้น
นำร่างของทิดโจรให้นอนหงายอยู่บนหลาว กำหนดเวลาประหารชีวิต
รำร่ายเงื้อง่าศัสตราวุธเครื่องประหาร มีดาบ หอก หอกซัด (โตมร)
ล่อหลอกละลานตา  เพื่อไม่ให้นักโทษรู้ตัวว่าจะถูกฆ่าด้วยศัสตราวุธชนิดใด

แต่ทิดโจรได้สติจากโอวาทของอาจารย์แห่งตนแล้ว
ยังจิตให้เป็นสมาธิถึงจตุตถฌานเป็นอารมณ์สงบนิ่งสง่าไม่หวั่นไหว
อาวุธที่กรีดรำร่ายฉวัดเฉวียนและซัดเฉียดไปมา
ไม่อาจทำให้ทิดโจรสะทกสะท้านหรือสะดุ้งได้เลยแม้แต่น้อย
บังเกิดเสียงบันลือลั่นในหมู่ประชุมชนที่เฝ้าดูการประหาร
แม้แต่ราชบุรุษที่เตรียมลงมือ  ก็อื้ออึง ชะงักกิริยาการประหาร
ด้วยความอัศจรรย์ใจ  ส่งคนนำเรื่องมากราบทูลแด่พระราชา
พระราชาพิมพิสารทราบเหตุก็รับสั่งให้ปล่อยตัว
แล้วเสด็จเข้าเฝ้าพระศาสดากราบทูลเหตุการณ์ถวาย ทันที



*ปรากฏการณ์  "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระตถาคต" ;

พระศาสดารับทราบเหตุการณ์
จากการทูลเล่าถวายของพระเจ้าพิมพิสารแล้ว
ทรงเปล่งพระโอภาส ปรากฏพระองค์ ณ เบื้องหน้าทิดโจร
แสดงธรรมด้วย ธรรมบทคาถาต้นเรื่อง
ทิดโจรกำลังนั่งอยู่ในฌานฟังน้อมรับธรรมเทศนา อยู่บนปลายหลาว
ในท่ามกลางราชบุรุษที่เตรียมประหารเหล่านั้นแล้ว
ยกจิตขณะฌานขึ้นสู่การพิจารณาไตรลักษณ์
พิจารณาสังขารทั้งหลายตามเป็นจริง
บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว เสวยสุขแห่งการถึงธรรมที่เกิดแต่สมาบัติอยู่
แล้วเหาะขึ้นเวหาสมาสู่สำนักพระศาสดาโดยอากาศนั่นเอง
ถวายบังคมพระศาสดา แล้วบวช
ได้บรรลุพระอรหัต ณ ท่ามกลางบริษัท
และเบื้องพระพักตร์พระเจ้าพิมพิสารนั้นเอง.

จบเรื่อง ...วิพภันตกภิกขุ นิฏฐิตัง...เอวัง




เห็นความยิ่งใหญ่ของธรรม  ความยิ่งใหญ่ของทักขิไณยบุคคล
แห่งพระพุทธศาสนากันมั้ยครับ ?!!
แม้ตัวผู้ถ่ายทอดเองในขณะนี้  ก็กำลังอยู่ในสถานะของ
วิพภันตกภิกษุ...ที่ ตะแลงแกง เหมือนกัน....^ ^
นำมาแสดง  เพื่อเป็นกำลังใจแก่ตนเอง และแก่ทุกๆท่านครับ
ว่า...แม้ในขณะเสี้ยววินาทีของความเป็นตาย  
ธรรมะของพระพุทธองค์ย่อมมีอานุภาพยิ่งใหญ่ช่วยให้เรารอดได้ ไม่มีเงื่อนไข
พวกที่ถ่ายทอดเรื่องฌาน  เรื่องสมาธิ....โปรดระวังด้วย
สจิตฺตปริโยทปนํ (Sacittapariyodapananฺ) เป็นเรื่องปาฏิหาริย์
เหนือโลกทั้งหมด....อย่าแตะต้องหรือพล่ามโดยไม่รู้จริง
อันตรายครับ  ทั้งพุทธวิสัย และฌานวิสัยเป็นอจินไตยสำหรับ
ผู้ไม่รู้จริง....อันตรายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ครับ..


Atthanij Pokkasap อัญเชิญมาถ่ายทอด
06:00 น.ขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๒
วันอังคาร ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๗




...ธรรมะช่วยได้แม้ขณะเสี้ยววินาทีที่ถูกประหารชีวิต !!!





                                                                                                           ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
  
  


* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap

No comments: