Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Saturday, January 14, 2017

72.Breaking Dharma PART 71






Breaking Dharma PART 71...!!!
....



12:30 น.แรม ๔ ค่ำ เดือนอ้าย
เสาร์ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖

ข่าวสาร จาก พุทธกาล
ตอน คำสนทนา ของ ท่านพระสารีบุตร กับท่านพระมหาโฏฐิตะ


ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ถามว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
ปัญญากับวิญญาณนี้ คลุกคลีกันหรือแยกกัน
ท่านอาจแยกธรรมทั้ง ๒ นี้ออกบัญญัติให้ต่างกันได้หรือไม่?"

ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
"ดูก่อน ท่านโกฏฐิตะ
ปัญญากับวิญญาณ ทั้ง ๒ นี้ คลุกกัน ไม่แยกกัน
ไม่อาจแยกออกให้ต่างกันได้
บุคคลรู้สิ่งใด ก็รู้สึกสิ่งนั้น
บุคคลรู้สึกสิ่งใด ก็รู้สิ่งนั้น
เพราะฉะนั้นจึงว่า ธรรมทั้ง ๒ นี้คลุกกัน
ไม่แยกกัน ไม่อาจแยกออกให้ต่างกันได้"

ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ถามต่อว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
ปัญญากับวิญญาณทั้ง ๒ นี้ คลุกกัน ไม่แยกกัน
มีการกระทำต่างกันอย่างไร?"

ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
"ดูก่อน ท่านมหาโกฏฐิตะ
ปัญญากับวิญญาณ มีการกระทำต่างกันอย่างนี้ คือ
ปัญญา ของของควรทำให้เกิด
ส่วน วิญญาณ เป็นของควรกำหนดรู้"
.... ฯลฯ ...

(ถัดจากวิญญาณ เป็นเวทนา สัญญา ซึ่งทั้งสามนี้ก็ได้รับคำตอบ
จากท่านพระสารีบุตรว่า คลุกกัน ไม่แยกกัน
ไม่อาจแยกออกจากกันได้)

ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ถามต่อ อีกว่า
"บุคคลควรนำอะไรไปด้วย
*มโนวิญญาณอันบริสุทธิ์ อันแยกจากอินทรีย์ ๕ แล้ว?*
.... ฯลฯ

(ตอนนี้ท่านพระสารีบุตรตอบ ถึง อรูปฌาน ๔ ว่าเป็นธรรม
ที่ มโนวิญญาณ อันบริสุทธิ์เป็นสิ่งเอื้อนำไป)

สุดท้าย ท่านพระมหาโกฏฐิตะ จึงถามว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
บุคคลรู้จักธรรมที่ควรนำไปด้วยอะไร?"

ท่านพระสารีบุตร ตอบว่า
"ท่านมหาโกฏฐิตะ
บุคคลรู้จักธรรมที่ควรนำไป ด้วย
*ปัญญาจักษุ* "

ท่านพระมหาโกฏฐิตะ จึงถามอีกว่า
"ข้าแต่ท่านสารีบุตร
ปัญญา มีอะไรเป็นความหมาย?"

ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
"ท่านมหาโกฏฐิตะ
ปัญญา มีความรู้ยิ่งเป็นความหมาย
ปัญญา มีความรอบรู้เป็นความหมาย
และ ปัญญา มีการละ เป็นความหมาย!!!"


จาก มหาเวทัลลสูตร  มูลปัณณาสก์  มัชฌิมนิกาย
ไตรปิฎก สยามรัฐ เล่ม ๑๒/๔๕



รู้ได้แล้วนะครับ..
วิญญาณ เวทนา สัญญา ปัญญา ไม่แยกกัน
วิญญาณ รู้ได้ด้วยการกำหนดรู้  ปัญญารู้ได้ด้วยการทำให้เกิด
อะไรคือเทคนิคกำหนดรู้  อะไรคือเทคนิคทำปัญญาให้เกิด

และตอนที่ท่านกล่าวว่า
*มโนวิญญาณอันบริสุทธิ์ อันแยกจากอินทรีย์ ๕*
ก็คือการแยกประสบการณ์จากอายตนะทั้ง ๕ ในสมอง
ออกจาก พลังงานที่ขับเคลื่อนการทำงานของสมอง
ที่ส่งตรงมาจากหัวใจ ซึ่งเป็นธรรมทานที่ "นายขยะ"
กล่าวไว้อย่างมากมายซ้ำซาก

ตรงๆง่ายๆ ก็คือ
แยกการทำงานของสมองออกจากการทำงานของหัวใจ
เป็นที่มาของ Wu-Sin ในสำนวนจีน และ Mu-Shin ในสำนวนญี่ปุ่น
ปุ้กซิม (ไร้ใจ) ในสำนวนกำลังภายใน ซึ่งก็คือ
*ดับวิญญาณ* ในสำนวนชาวพุทธโบราณ
คือการไม่ให้ มโนวิญญาณธาตุจากหัวใจส่งพลังงานไปปรุงแต่งกับ
จักขุวิญญาณ, โสตวิญญาณ, ฆานวิญญาณ, ชิวหาวิญญาณ
และกายวิญญาณ จนเกิดเป็น มโนวิญญาณคือประสบการณ์ที่สมอง
ควบคุมขอบเขตการทำงานของหัวใจ...

ผู้ใดสงสัยธรรม จงถามเรา!!!
(เสียง สิงโตคำราม ของ ท่านพระปิณโฑลภารทวาช)


Atthanij Pokkasap อัญเชิญมาถ่ายทอด
ก่อนที่จะมีการสอน เข้าป่าเข้าดงพงรกไปกว่านี้




...ไม่ได้เก่งพอที่จะไปรู้เองเห็นเองกะใครทั้งนั้น...
เก่งตามตำรา ไปตามแผนที่ไตรภูมิ ครับ...อ่านเป็นเที่ยวเป็นเที่ยวไปในภพภูมิต่างๆเป็นก็ละกัน....
พวกไม่มีแผนที่เดินทาง เก่งกันนัก เรื่องนอกลู่นอกทางเห็นๆ...

...ทำให้เราเข้าถึงการใช้ทฤษฎีควอนตัม-สัมพัทธภาพ สร้างเทคโนโลยียานอวกาศแบบ Warp ทะลุมิติ ไม่ต้องใช้การอาศัยจรวดยิงขึ้นสู่อวกาศที่ล้าหลังมากๆ

...ควบคุมคลื่นแม่เหล็กดวงดาวของโลกได้   การจะดึงดาวเทียมการสื่อสารของใครต่อใครลงมาทำอุปกรณ์สนามเด็กให้ลูกหลานเล่น ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป...เอาไว้เรียกค่าไถ่มันก็ยังได้...                                                                               



                                                                                     ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
  
  


* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap


No comments: