Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Saturday, January 7, 2017

45.Breaking Dharma PART 44





Breaking Dharma PART 44...!!!
....



ภิกษุ ภิกษุ เลิกคอร์รัปชั่นธรรมกันได้แล้ว
อย่าบาปหนากันไปกว่านี้เลย....


(๒๗๕) ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างเป็นไปในส่วนแห่งวิชชา
ธรรม ๒ อย่าง เป็นไฉน?
คือ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย
สมถะที่ภิกษุเจริญแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์ อะไร?
สมถะ ย่อมอบรมจิต
จิตที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร?
ย่อม ละ ราคะ ได้.

วิปัสสนา ที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์ อะไร?
ย่อม ละ อวิชชา ได้.

(๒๗๖) ดูกร ภิกษุทั้งหลาย จิตที่เศร้าหมองด้วยราคะ
ย่อมไม่หลุดพ้น
หรือปัญญาที่เศร้าหมองด้วยอวิชชา
ย่อมไม่เจริญ ด้วยประการ ฉะนี้แล

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย
เพราะ สำรอก ราคะได้ จึงชื่อว่า เจโตวิมุตติ
เพราะสำรอก อวิชชาได้ จึงชื่อว่า ปัญญาวิมุตติ


จาก ปฐมปัณณาสก์ เอกนิบาต อังคุตตรนิกาย ไตรปิฎก สยามรัฐ เล่ม ๒๐/๔๕


Atthanij Pokkasap เปิดเผยข้อธรรมที่มักถูกคอร์รัปชั่น
11:40 น.แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ วันจันทร์ ๒๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖


สอนแยกส่วนจนไม่รู้ อะไรเป็นอะไร เลอะเทอะกันไปหมด...
พระก็พระเถอะ...เปรตคาผ้าเหลืองกันตั้งแต่ไม่ตาย นะครับ...



...มาละครับ..ว่า  มันคอร์รัปชั่นธรรมดั้งเดิมอันเป็นพระพุทธวจนะกัน
ขนาดไหน...เจโตวิมุตติ กะปัญญาวิมุตติ  แยกกันโดยวีธีการอธิบาย  ไม่แยกกันในเชิงปฏิบัติครับ...

...เพียงเพราะจะปฏิเสธเรื่องอิทธิฤทธิที่เมื่ออบรมจิตแล้วยังไงก็ต้องได้
คุณวิเศษ  คืออบรมจิต เพื่อให้พ้นไปจากการครอบงำของราคะ (กามคุณ ๕)

มันก็เลยจะไปอบรมแต่ปัญญา...ปัญญาไม่มีจิตบริสุทธิ์ขับเคลื่อนผลักดันมันจะเจริญจนหลุดพ้นได้ยังไง...




                                                                                                   ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

  


* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap

No comments: