Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Friday, January 6, 2017

42.Breaking Dharma PART 41





Breaking Dharma PART 41...!!!
....


ความก้าวหน้าทางการแพทย์ สมัยพุทธกาล
ตอน หมอชีวกะผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้


ในคราวนั้น  โรคปมในไส้ใหญ่ได้เกิดขึ้นแก่บุตรเศรษฐีเมืองพาราณสี  ผู้เล่นเป่าใบไม้ ฯ

ข้าวต้ม ข้าวสวยที่บุตรเศรษฐีนั้นบริโภคแล้วก็ย่อยไม่ดี  อุจจาระปัสสาวะก็ไม่สะดวกฯ

บุตรเศรษฐีนั้นก็เศร้าหมอง  มีผิวพรรณวรรณะก็ไม่ดี  เป็นโรคผอมเหลือง มีตัวสะพรั่งด้วยเส้นเอ็น ฯ

เศรษฐีพาราณสีผู้เป็นบิดาจึงคิดว่า   ควรเราจะไปที่กรุงราชคฤห์  ทูลขอหมอชีวกะต่อ
พระราชพิมพิสารให้มารักษาบุตรของเรา ฯ

ครั้นคิดแล้วก็เดินทางไปกรุงราชคฤห์  เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร  ทูลเล่าอาการโรคแห่งบุตรของตนให้ทรงทราบ  
แล้วทูลขอหมอชีวกะให้ไปรักษา ฯ

พระเจ้าพิมพิสารก็ตัดสั่งหมอชีวกะว่า  เธอจงไปเมืองพาราณสีรักษาบุตรเศรษฐีในเมืองพาราณสี ฯ

หมอชีวกะพระราชบัญชาแล้ว  ก็ไปที่เมืองพาราณสี   ครั้นไปถึงแล้วก็สังเกตกิริยาอาการของบุตรเศรษฐีแล้ว  จึงให้ไล่ฝูงชน
ออกไป  ให้กั้นม่านแล้ว  ให้มัดบุตรเศรษฐีนั้นติดกับเสา  ให้ภรรยาอยู่ข้างหน้า  แล้วก็ผ่าท้องตัดเอาปมที่ไส้ใหญ่นั้นออก
ให้ภรรยาบุตรเศรษฐีดู  แล้วบอกว่า

จงดูโรคสามีของเธอ  เพราะโรคนี้แหละจึงทำให้ข้าวต้มข้าวสวยที่สามีของเธอบริโภคแล้วไม่ย่อยดี
อุจจาระ ปัสสาวะ จึงไม่สะดวก  จึงเกิดซูบผอมเสียผิวพรรณวรรณะเป็นโรคผอมเหลือง  มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็น

ว่าดังนี้แล้วจึงตัดปมที่ไส้ใหญ่นั้นออกไป   แล้วเอาไส้ทั้งหลายนั้นใส่เข้าไปในท้องอีก   เย็บหนังท้องให้ดีแล้วก็ใส่ยา ฯ   
ไม่ช้าบุตรเศรษฐีนั้นก็หายจากโรค ฯ

เศรษฐีผู้เป็นบิดาจึงกล่าวว่า  บุตรของเราหายโรคแล้ว   แล้วจึงให้เงิน ๑ หมื่น ๖ พัน แก่หมอชีวกโกมารภัจจ์ฯ

หมอชีวกโกมารภัจจ์รับเงินเหล่านั้นแล้วก็กลับสู่กรุงราชคฤห์ ฯ


จากเรื่องของหมอชีวกโกมารภัจจ์  จีวรขันธกะ  มหาวรรค  วินัยปิฎก
คัมภีร์เล่มที่ ๓ ไตรปิฎกฉบับราษฎร์


อัตราค่ารักษา ๑ หมื่น ๖ พัน  เกิดจากการรักษาครั้งแรกช่วงเดินทางกลับจากตักศิลา มาถึงเมืองสาเกตุ 
ภรรยาเศรษฐีเมืองสาเกตุ เป็นโรคปวดศรีษะมา ๗ ปี  ไม่มีหมอคนไหนรักษาหาย

หมอใหม่ ..สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการ นัดถ์ยา (หยอดเข้าจมูก) เพียงครั้งเดียว  และยาที่จามออกมาใช้ทารักษาปวดเมื่อยต่อไปได้อีก...แล้วภรรยาเศรษฐีให้เงิน ๔ พัน   บุตรอีก ๔ คนก็ให้อีกคนละ ๔ พัน  สะไภ้ ๔ คนให้อีกคนละสีพัน   เศรษฐีให้อีก ๔ พัน  พร้อมทาส ทาสี อย่างละคนไปกับรถม้า ๑ คัน...ครับ


Atthanij Pokkasap รายงาน
08:32 น. ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๑๐ ศุกร์ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖




...จับมัดที่เสา แล้วผ่าตัด ดึงลำไส้ออกมา เป็นคำบอกเล่าภายนอก...เราไม่อาจรู้ว่า..หมอชีวกะใช้อะไรเป็นมีดผ่าตัด และใช้สมุนไพรอะไรทาผิวหนังก่อนผ่าตัด
และเข็มที่ใช้เย็บแผลทำมาจากอะไร..นอกจากไปค้นหารายละเอียดในบันทึกการแพทย์ ต้นฉบับโบราณโดยตรง...

...ซึ่งมีอยู่ในหลายตระกูลที่ลูกหลานยังเก็บรักษาบันทึกเหล่านี้มาอย่างน้อยก็จากสมัยอยุธยาตอนปลาย...รวมไปถึง
เข็มสักยันต์ด้วย...


...ความคลั่งตะวันตกถึงขั้นยุบกรมการแพทย์โบราณทิ้ง  เกิดในราชสำนักในรัชสมัย ของรัชกาลที่ ๖ ครับ.  ตามมาด้วยการเกิดการปฏิวัติ..

...สมเด็จพระบิดาท่านนำการแพทย์โบราณกลับคืนมา  พระโอรสท่านได้เป็น กษัตริย์ตอเนื่อง ทั้งสองพระองค์    
ครูแพทย์โบราณ แรง อย่างนี้เอง..

...อยู่เมืองไทยดัง ได้ งัย..กฎหมายที่ล้าหลังคลั่งชาติ  มันออกเป็นเหล็กแหลมเสียบทิ่มไปทุกองศา...
ภูมิปัญญาโบราณถูกมันแขวนตายซาก...ไปดังต่างประเทศถูกโฉลกแล้ว...ต่อไปทำให้เป็นต่างประเทศให้หมด   
ให้เหลือประเทศไทยอยู่แค่สภา ก็พอ...




                                                                                                      ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
  


* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap

No comments: