Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Thursday, January 5, 2017

41.Breaking Dharma PART 40





Breaking Dharma PART 40...!!!
....



ความก้าวหน้าทางการแพทย์ สมัยพุทธกาล
ตอน หมอชีวกะ ผ่าตัดกระโหลกรักษาโรคพยาธิไชสมอง

อ่านดู..ครับ..


ก็ในคราวนั้น  เศรษฐีในกรุงราชคฤห์นั้นได้เป็นโรคปวดศรีษะมา ๗ ปีแล้ว ฯ

พวกแพทย์ใหญ่ๆ ที่เป็นทิสาปาโมกข์เป็นอันมากก็ได้พากันมารักษา  แต่ไม่อาจรักษาให้หายได้
ได้แต่ถือเอาเงินไปเป็นอันมากเท่านั้น  ทั้งในเวลานั้นแพทย์ทั้งหลายได้บอกเลิกแล้ว  คือ
แพทย์บางพวก กล่าวว่า  ท่านเศรษฐีจักตายในวันที่ ๕ บางพวกกล่าวว่าจักตายในวันที่ ๗ ฯ

พวกกุฎุมพีในกรุงราชคฤห์ได้ฟังดังนี้  ก็พากันนึกถึงหมอชีวกโกมารภัจจ์  แล้วพากันไปทูลขอ ต่อพระเจ้าพิมพิสาร  เพื่อให้ไปรักษาเศรษฐีนั้น ฯ

พระเจ้าพิมพิสารจึงตรัสสั่งหมอชีวกโกมารภัจจ์ให้ไปรักษา ฯ

เมื่อหมอชีวโกมารภัจจ์ไปถึง  สังเกตดูกิริยาของเศรษฐีก็ถามขึ้นว่า  ข้าพเจ้าทำให้ท่านหายโรคได้ ท่านจักให้สิ่งใดแก่ข้าพเจ้า ฯ

เศรษฐีตอบว่า  เราจักให้สมบัติทั้งสิ้นแก่เธอ  ทั้งจักเป็น ทาส เธอด้วย ฯ

จึงถามขึ้นอีกว่า  ท่านเศรษฐีอาจนอนตะแคงข้างเดียวถึง ๘ เดือน ได้ไหม เศรษฐี ตอบว่า ได้ ฯ

จึงถามอีกว่า  ท่านเศรษฐีอาจนอนตะแคงอีกข้างหนึ่งถึง ๗ เดือนได้ไหม เศรษฐี ตอบว่า ได้ ฯ

หมอชีวกโกมารภัจจ์จึงให้เศรษฐีนอนบนเตียงเล็กๆแล้วมัดติดกับเตียงจึงถลกผิวหนังศรีษะของเศรษฐีออกแล้วทึ้งบาดแผลไว้..
นำ โรค ๒ ตัว ออกมาให้คนทั้งหลายดูว่า  ท่านทั้งหลายจงดูเถิด  ตัวโรค ๒ ตัวนี้  ตัวหนึ่งเล็ก  
ตัวหนึ่งใหญ่  พวกแพทย์ที่กล่าวว่าท่านเศรษฐีจักตายในวันที่ ๕  ก็เพราะได้รู้ถึงตัวโรคตัวใหญ่นี้ แล้วคิดว่า ตัวโรคนี้จักกัดสมองศรีษะของท่านเศรษฐีในวันที่ ๕   เมื่อมันกินสมองศรีษะหมดแล้ว  ท่านเศรษฐีจักตาย

ส่วนพวกที่กล่าวว่าท่านเศรษฐีจักตายในวันที่ ๗ นั้น  ก็เพราะได้รู้ถึงตัวโรคตัวเล็กนี้ จักกัดสมองศรีษะของท่านเศรษฐีในวันที่ ๗  จักกินสองศรีษะให้สิ้นแล้ว  ท่านเศรษฐีจักตาย

ว่าดังนี้แล้วจึงทำให้บาดแผลติดกัน  เย็บให้ดีแล้วใส่ยาไว้ ฯ

พอล่วงไปได้ ๗ วัน  เศรษฐีจึงว่า  ฉันไม่อาจนอนข้างเดียวได้ถึง ๗ เดือน ฯ

หมอชีวกะจึงว่า  ก็ท่านเศรษฐีรับว่าจะนอนข้างเดียวได้ถึง ๗ เดือน มิใช่หรือ?  

เศรษฐีตอบว่า   เรารับอย่างนั้นก็จริง  แต่ถึงเราจักตาย  เราก็ไม่อาจนอนข้างเดียวได้ถึง ๗ เดือน ฯ

หมอชีวกะจึงว่า  ถ้าอย่างนั้น  ท่านจงนอนด้วยข้างที่สองให้ถึง ๗ เดือน ฯ

พอล่วงไปได้ ๗ วัน แล้ว  เศรษฐีก็ตอบว่า นอนไม่ได้  หมอชีวกะจึงให้นอนหงายอยู่ถึง ๗ วัน ฯ

เมื่อเศรษฐีไม่อาจนอนหงายให้เกิน ๗ วันไปได้  หมอชีวกะจึงว่า  ถ้าข้าพเจ้าไม่บอกท่านไว้อย่างนี้  ท่านก็นอนไม่ได้นานเท่านี้  
ข้าพเจ้ารู้ดีแล้วว่า  ท่านจะหายโรคใน ๓ สัปดาห์    เพราะฉะนั้น ท่านจงลุกขึ้นเถิด  ท่านหายโรคแล้ว
ท่านจงดูว่า  ท่านจะให้สิ่งใดแก่ข้าพเจ้า ฯ

เศรษฐีจึงว่า  เรายกสมบัติทั้งสิ้นให้แก่นายแพทย์  ทั้งเราขอเป็นทาสนายแพทย์ด้วย ฯ

หมอชีวกะจึงว่า  อย่าเลย  ท่านจงให้ทรัพย์แก่ราชาแสนหนึ่ง  ให้แก่เราอีกแสนหนึ่งก็เป็นอันเพียงพอ ฯ

ครั้งนั้นเศรษฐีผู้หายโรคแล้ว  ก็ได้ให้เงินไปเพื่อพระราชา ๑ แสน  ให้เฉพาะหมอชีวกะโกมารภัจจ์อีก ๑ แสน ดังนี้ ฯ


อรรถกถา ;

ส่วนในอรรถกถาว่า  หมอชีวกโกมารภัจจ์นั้น ได้ปรารถนาเป็นแพทย์ผู้วิเศษ  เพื่อจะได้ปฏิบัติ
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาแต่ครั้งศาสนาขององค์พระปทุมุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าโน้น ในแสนกัลป์ จึงได้มาเกิดเป็นแพทย์ผู้วิเศษในครั้งพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายนี้ ฯ 
  
ส่วนในฎีกานั้นว่า โรคกรรมวิบากนั้น  ได้แก่โรคเกิดด้วยกรรม  ดังนี้  นอกจากคำนี้ก็ไม่ได้แก้ไขไว้ประการใด   
จึงเป็นอันสิ้นเนื้อความในพระวินัยเทศนากัณฑ์นี้เพียงเท่านี้.
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ


(อรรถกถา  คือ คัมภีร์อธิบายเนื้อความในพระไตรปิฎก  
ฎีกา  คือคัมภีร์อธิบาย อรรถกถา   
แล้วเกร็ดย่อยพิเศษที่เป็นรายละเอียดเฉพาะเรื่องๆไปอีกที  ท่านเรียกคัมภีร์หมู่นี้ว่า  ปกรณ์วิเสส ครับ)


จาก จีวรขันธกะ ว่าด้วยเรื่องหมอชีวกโกมารภัจจ์  คัมภีร์ที่ ๓ มหาวรรค  พระไตรปิฎก ฉบับราษฎร์


Atthanij Pokkasap รายงาน จากขอนแก่น
06:09 น.ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๐ ศุกร์ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖




...การแพทย์ของมนุษย์เขาก้าวหน้ามาตั้งแก่สมัยบาบิโลเนียนเรืองอำนาจกว่า สามพันปีมาแล้วครับ..บาบิโลเนียนเองก็ผ่าตัดใส่หัวใจวัวให้กับคน (นักรบ) มาแล้ว  มีอายุยืดออกมาถึง ๕ ปี...แพทย์สมัยใหม่เป็นความก้าวหน้าแบบหลงยุค เท่านั้นเอง

...ผ่าตัดกระโหลก  เอาพยาธิออกจากสมอง ครับ   ในเนื้อความไม่มีรายละเอียด...นอกจากบอกว่า  มันเป็นตัวกินสมอง..ถ้าอยู่ที่หนังศรีษะ  หมอคนอื่นๆรักษาได้นานแล้ว ครับ...ตัวโตที่ท่านพูดถึง  อาจเป็นตัวแม่...แต่ลูกมันคงยั้วเยี้ย   เพราะฝังตัวอยู่ตั้ง ๗ ปี
วิเคราะห์จริง เข้าไปแล้ว..ทำให้อยากรู้ว่า  พ่อหมอชีวกะ ท่านใช้เครื่องมืออะไร เปิดกระโหลกศรีษะครับ

...บารมี อย่างใหญ่ครับ  ท่านใช้เวลาแสนกัปกัลป์
ในเถรคาถา มีลิงหลายตัว กบ ปลาวาฬ  ใช้เวลา ๓ ชาติ ใน ๒ กัป..ก็เป็นพระอรหันต์เลิกมาเกิดกันครับ

...คือ ชาติที่ ๑ เป็น สัตว์ไปเอาเสียงสวดมนต์เป็นความทรงจำ  แล้วไปเกิดสุคติเป็นเทวดา  
พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็จุติจากเทวดามาเป็นมนุษย์บวชทันพระพุทธเจ้าก็จบเลย...นี้เป็นบารมีอย่างเล็ก...

...ตอนสร้างสมบารมี ตลอดแสนกัปกัลป์   ไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นคน และไม่ทำบาปทุกภพทุกชาตินะครับ   พระพุทธเจ้าไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็หลายชาติอยู่   
ท่านพระสารีบุตรไปเกิดเป็นลิงรวดเดียว ๕๐๐ ชาติ ก็เป็นมาแล้ว   
ท่านพระมหาโมคคัลลานไปเกิดเป็นพระยามารสร้างลูกหลานมารเต็มสวรรค์ก็เป็นไปแล้ว   แถมยังมีชาติที่หลงเมียฆ่าพ่อฆ่าแม่
อีกซะด้วย...เป็นโศกนาฏกรรมภายในแสนกัปกัลป์ที่บ่มบารมีทั้งนั้น..

...ไม่ไม่ต้องห่วงว่าเราจะต้องสร้างเวรสร้างกรรมต่อ..เพียงแต่ให้ทำไปด้วยสติ  เหมือนการจับถือยาพิษ หรือของร้อน   มันต้องใช้เทคนิคงัย...



...อันนี้ทีแรก   ผมจะตั้งข้อสังเกตุไว้เหมือนกันว่า    ขนาดหมอวิเศษสมัยพุทธกาล  ท่านยังถามราคาก่อนเลย...แต่เราก็ดูหมอก่อนหน้าพ่อหมอชีวกะสิ..เอาแต่เงินทั้งนั้นจริงๆ..

...มัน..สนุกกว่านี้ตอนพ่อหมอชีวกะไปรักษาพระเจ้าจัณฑปัชโชต (ปัชโชตจอมโหด) ที่ไม่ยอมเสวยนมแพะ   
แล้วพ่อหมอท่านปรุงนมแพะ จนหมดกลิ่น   หลอกให้เสวยจนโรคหาย   
พอรู้ตัวว่าเสวยนมแพะเข้าไป   สั่งตามล่าสังหารพ่อหมอชีวกะเลย...ที่เดียวเชียวล่ะ

...อย่างไรก็ตาม   เห็นค่าภาษีที่พ่อหมอชีวกะจ่ายให้พระราชามั้ยล่ะ...๕๐% เชียวนะ..หมอทุกวันนี้เลี่ยงภาษีอ่ะ...

...พ่อหมอชีวกะ เป็นหมอไฮโซนะครับ   แค่คนรับใช้พ่อหมอหรือทาสพ่อหมอน่าจะถึงคนจนได้อยู่..



...หมอฮัวโต๋เป็นชาวฮินดูกูษ  แบบเดียวกะพิษปัจฉิม อาวเอี้ยงฮง ใน มังกรหยก...ไม่ใช่จีน...
จีนต้องอย่างโจโฉ ขงเบ้ง เล่าปี่  มีหน้าที่ออกอุบายให้คนจีนฆ่าฟันกันเอง...
เสียดายตำราท่านไม่ได้แปลเลยโดนเผาทิ้งไป




                                                                                                            ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
  

* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap

No comments: