Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Monday, December 26, 2016

๘๒.Buddha-Dharma-Sangha-Science-Fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-Religion-Language-Math-Mind-Universe-Meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food=Good Life Health.


82.พระพุทธเจ้า - พระธรรม - พระสงฆ์ - วิทยาศาสตร์ - นิยาย - มวยไทย - ประวัติศาสตร์ - โหราศาสตร์ -ไสยศาสตร์ - ศาสนา - ภาษา - คณิตศาสตร์ - จิต - จักรวาล - สมาธิ - โยคะ - ดนตรี - ศิลปะ - เกษตรกรรม - สมุนไพร - อาหาร = สุขภาพและชีวิตที่ดีงาม







Atthanij Pokkasap  :




ข่าวสาร จาก...พระอรหันต์(สมัยพุทธกาล)
ตอน มารู้จักพุทธตันตระกันเถอะ !!! (ตอนพิเศษ ที่ ๑)
... ...


ตันตระ (สันสกฤต เขียน ตนฺตร) แปลว่า ช่างทอผ้า ช่างถัก เส้นสายต่างๆที่ยึดเหนี่ยวให้เกิดรูปของเรือนร่าง(สรีรปัตราการนาฑี)

...ในพิธีกรรมปฏิบัติทางลัทธิ ศาสนา...เรียกว่า ตันตรสูตรหมายถึงพิธีกรรมบูชาเทวะ เพื่อให้ผู้บูชาบรรลุทิพยศักดิ มีสัญลักษณ์เป็นการทำ สันถวะ ระหว่างพระศิวะกับทุรคาเทวี(ปางหนึ่งของเจ้าแม่อุมา) 

..ในฝ่ายพุทธ คือรูปสัญลักษณ์ระหว่าง เหวัชระ สันถวะ กับ ไนราตมยาเทวี(นางอนัตตา) เกิดเป็นธิดา ๘ องค์ (ที่ขอมเรียก อัปสรา)เป็นสัญลักษณ์ของ อริยมรรคมีองค์ ๘

...เนื้อหาของ ตันตระทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายพระเวทสายไศวนิกาย-ไวษณพนิกาย ประกอบด้วย ๕ เรื่องหลัก คือ


๑. คัมภีร์ว่าด้วย จุติ อุบัติของ จักรวาล-มหาจักรวาล(ของสยามคือคัมภีร์ปถมัง ปรากฏหลักฐานอยู่ในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน)

๒.พิธีกรรม บูชาเทวะสัญญลักษณ์ธรรม(พระโพธิสัตว์ นานาองค์)

๓.เวทย์และศาสตราคมที่ให้บรรลุเป้าหมายตามความต้องการ

๔. มายามยวิธีเพื่อบรรลุ ศักติ หกประการ(ศักติ พลวัตที่ขับเคลื่อนให้ผู้บูชาได้พบ ธรรม ดังที่พระศาสดาตรัสรับรองว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระตถาคต) ของพระเวท นั้น ๖ ประการ พระพุทธศาสนาฝ่ายเหนือ ก็บารมี ๖ แต่ของสยามเป็น บารมี ๑๐

๕. มนตร์สญชีวะ...ว่าด้วยการโคลนนิง สรรพชีวิต หรือจิตดวงใหม่ของผู้บูชาเอง
..... ....


ข้อ ๓. นั้นรวมถึง โหราศาสตร์รักษาโรค และ ไสยศาสตร์รักษาโรค ที่สยามประเทศมีบันทึกโบราณเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด มากกว่าชนชาติใดๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เพราะพระพุทธศาสนาเมื่อเข้ามาเชื่อมต่อกับวัฒนธรรมชาวนาของสุวรรณภูมิ    

การประกอบเวชกรรมในสังคมอารยันเป็นวัตรที่ผิดศีล   แต่สุวรรณภูมิจำเป็นต้องยกเว้น   เพราะวัฒนธรรมชาวนาถือเรื่องนี้เป็นหลักของการดำเนินชีวิตประจำวัน

ข้อมูลเหล่าสร้างเนื้อเรื่องจากหลักฐานทางโบราณคดีที่มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย  รวมทั้งที่วัดโพธิ์ด้วยโดยเนื้อหาหลักซ่อนอยู่ในเถรคาถา เถรีคาถา อัปทาน ภาค ๑ ภาค ๒ ของพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐทั้งสิ้น....

....เลอก(เปิดเผย)ทำให้พุทธศาสน์และไสยศาสน์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ให้หม่น ไม่ให้หมอง

...ต้องเปิดเผยแล้วครับ...ว่าเอาไสยศาสตร์ออกจากเถรวาทเมืองไทยเมื่อใด...แม้พระก็ไม่เหลือสบงให้นุ่ง พวกที่คิดว่าไสยศาสตร์เป็นเรื่องงมงาย   คือพวกไม่เคยเห็นกระดูกบรรพบุรุษมัน  แล้วมันก็ยืนยันตัวเองว่ามีตัวตนจริง...

....ไสยศาสตร์อื่นเป็นอย่างว่า    แต่ไสยศาสตร์ไทย...เคล็ดวิชา *สจิตฺตปริโยทปนํ* แห่งหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาทั้งนั้น...ทั้งนั้น....ของพราหมณ์ที่ไหน    เอาหลักฐานพราหมณ์มาแสดงด้วยอย่ามั่ว...มั่วมา ๑๕๘ ปีแล้ว.....จบได้แล้ว

ดู ตย. นวหรคุณ : อะ  สํ  วิ  สุ โล  ปุ  สะ  พุ  ภะ,   จตุอริยสัจ ; ทุ  สะ  นิ  มะ
ลอกพราหมณ์มาจากไหน  พราหมณ์ไหนมีคาถาหัวใจเหล่านี้....?????????????????????!


...มีแต่ขอมไทย....มันต้องจับประวัติศาสตร์ตอนพ่อขุนผาเมืองมอบบัลลังก์กัมโพชให้
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ก่อนว่า   พ่อขุนผาเมืองท่านสละแล้วท่านไปไหน

...พอรุ่นสาม ปรากฏว่าท่าน "ศรีสัทธา" เป็นหลานปู่พ่อขุนผาเมืองเป็นสังฆราชศรีลังกา   แล้วกลับ
มาสยามเป็นคู่กับพ่อขุนลิไทย     ก่อนหน้านั้นต้นราชวงศ์พระร่วงมีตำนานเป็นตำนานเดียวกะ ราชวงศ์ปัลลวะและฟูนาน สุดท้าย จารึกของพ่อขุนลิไทยก็เผยว่า ท่านคือวงศ์วานราชวงศ์ปัลลวะ...ศิลาจารึกที่อั้ยนักประวัิติศาสตร์ไทยมันไม่เอ่าน.....พ่อมันให้เขมรมาไล่มัน ให้ออกจากบ้าน ให้เขมรอยู่เป็นเจ้าของเรียบร้อยไปแล้ว

...หลักศิลาจารึกหลักที่สอง(วัดศรีชุม)  เรียกชาวเขมรด้วยสำเนียงเขมรว่า  นักกเมรเทศ   
ถ้าเทศคือประเทศ  ก็หมายถึงชาว...นักกเมรก็คือชาวกเมร      ถ้ากเมรคือกุมาร  แล้วเทศคือใหญ่  
นักกเมรเทศก็คือพวกที่ไม่รู้จักโต  คือ กุมารใหญ่      ไม่ได้มาจากเขมรินหรือกัษมีระ(ขเมระ-ขแมร์)   อย่างที่เดามั่วในชั้นหลังๆ...แต่ที่แน่่ๆ มันไม่ได้รู้ที่มาของมันเอง    แล้วมาแต่งมั่วสร้างประวัติขึ้นมาเอง...ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง     




                                                                                      ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap



No comments: