Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Thursday, September 8, 2016

๗๗.Buddha-Dharma-Sangha-Science-Fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-Religion-Language-Math-Mind-Universe-Meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food=Good Life Health.




77.พระพุทธเจ้า - พระธรรม - พระสงฆ์ - วิทยาศาสตร์ - นิยาย - มวยไทย - ประวัติศาสตร์ - โหราศาสตร์ -ไสยศาสตร์ - ศาสนา - ภาษา - คณิตศาสตร์ - จิต - จักรวาล - สมาธิ - โยคะ - ดนตรี - ศิลปะ - เกษตรกรรม - สมุนไพร - อาหาร = สุขภาพและชีวิตที่ดีงาม



























ปฏิบัติการโยคะจากพระโอษฐ์
มาเรียนรู้ "พระกรรมฐาน"จากพระไตรปิฎก
กันครับ.


ตอนที่ ๑. กำเนิด "จิต"

พระพุทธศาสนาเรียก จิต ว่า "มโน"บ้าง
"วิญญาณ"บ้าง เป็นการเรียกตามลักษณะงาน
จิต..คือ แผ่กระจาย ระบายออกไป
มโน..คือ คิดเองได้
วิญญาณ.. คือ รู้ยิ่งเอง
(ญาณ=รู้เอง วิ=ยิ่ง ; วิ + ญาณ = วิญญาณ)

จิต ประกอบด้วย ๒ ภาคส่วน คือ

๑. จิต ที่เกิดจาก กายสังเคราะห์
หมายถึง จิตที่เกิดจากระบบอายตนประสาท คือ อินทรีย์ ๕
(ตา-จักขุนทรีย์ หู-โสตินทรีย์ จมูก-ฆานินทรีย์ ลิ้น-ชิวหินทรีย์ และกาย-กายินทรีย์)
มี ใจ(มนินทรีย์) เป็นที่ ๖

จิตตามความหมายนี้ได้แก่ ;
จักขุวิญญาณ(รู้ยิ่งเองจากประสาทตา)
โสตวิญญาณ(รู้ยิ่งเองจากประสาทหู)
ฆานวิญญาณ(รู้ยิ่งเองทางประสาทหู)
ชิวหาวิญญาณ(รู้ยิ่งเองทางประสาทรับรสของลิ้น)
กายวิญญาณ(รู้ยิ่งเองจากประสาทสัมผัสของผิวกาย)
เป็นจิตที่เกิดจากการกระทบกันระหว่างอายตนประสาทกับสิ่งเร้า(Stimulus)
คือ ตากับรูป หูกับเสียง จมูกกับกลิ่น ลิ้นกับรส กายกับกายสัมผัส(โผฏฐัพพะ)
มีการประมวลผลประสบการณ์เก็บไว้ที่ สมองส่วนล่างหลังกระบอกตา

๒. จิตสังเคราะห์กาย
หมายถึง จิตที่อาศัยหัวใจทำงานร่วมกับอวัยวะภายในต่างๆ
ที่พระกรรมฐานพุทธเรียกว่า "อาการ ๓๒(ทวัตติงสาการ)"
สังเคราะห์สร้างและซ่อมแซมส่วนที่ยังเจริญไม่เต็ม
และส่วนที่ขาดหายไป
พระพุทธศาสนาเรียก จิต ภาคส่วนนี้ว่า
"มโนธาตุ" และ/หรือ "มโนวิญญาณธาตุ"
ตามรู้ได้ด้วยการฝึกหายใจออก หายใจเข้า
ซึ่งมีสมุฏฐาน มาจาก จิตภาคส่วนนี้โดยตรง
(รายละอียดเท็คนิคอยู่ในบทฝึก "กักลมอัสมิตา"ที่เป็นพื้นฐานของ อานาปานสติสมาธิสูตร)


ความสัมพันธ์ของจิตทั้งสองภาคส่วนนี้
เรียกว่า "ความพอใจ(ฉันทะ)"
เกิดจากการเข้าร่วมกันทำงานของสมองส่วนล่างกับหัวใจ ที่เรียกว่า ...
"รู้ยิ่งเองทางใจ(มโนวิญญาณ)"

ใน "ปฏิจจสมุปปาท" มหาปทานสูตร
จิตที่เกิดจากกายสังเคราะห์ มีสำนวนแปลทางพระบาลี                                                                    
(ภาษาที่รักษาคำสอนของพระพุทธเจ้า...เป็นภาษาชาวแคว้นอวันตี                                                 
ออกแบบหลักไวยากรณ์โดยท่านพระมหากัจจายนะ
แล้ว นักการศึกษาส่วนใหญ่เอาไปมั่ว ว่าเป็นภาษาม คธ)....ว่า...
"นามรูป"เป็นปัจจัยให้เกิด "วิญญาณ"
และ เรียกจิตที่สังเคราะห์กายว่า...
"วิญญาณ" เป็นปัจจัยให้เกิด "นามรูป"


ปัญหาหายนะที่ทำลายการคำสอน
แห่งการค้นพบของพระพุทธเจ้า
คือ นักปราชญ์ไทยทั้งหมด
จัดเอา "วิญญาณ" ไปอยู่ในกลุ่ม "นาม"ของ "นามรูป"
และเชื่อตามฝรั่งที่ฝรั่งเชื่อตามตรรกะของโสเครติส
ว่า จิตเกิดจากกาย โดยส่วนเดียว
กรรมฐานทุกสำนักเกจิอาจารย์ไทยๆ
จึงออกทะเล ไปมหาสมุทรอินเดียไปไกลลิบๆ
ด้วยประการฉะนี้แล ฯ


                                                                                            ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


* Story & Photos by  Atthanij Pokkasap



No comments: