Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Sunday, October 11, 2015

๔๙.Buddha-Dharma-Sangha-Science-Fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-Religion-Language-Math-Mind-Universe-Meditation-Yoga-Music-








*** คุณคิดว่าโฆษณาทางทีวีพูดความจริงสักกี่ส่วน?

by นาคเฝ้าคัมภีร์ นาคพิกลจริต ปิโลติ on Monday, November 5, 2012 at 5:32pm 



๑.โฆษณาอาหาร
-หลายครั้งที่เราเห็นอาหารชิ้นโต  สีสันสดใส  ดูน่าซื้อ น่ากิน   แต่! พอซื้อมาแล้ว  มันหยอง  สีตุ่นๆ แห้งเหี่ยวยวบยาบไม่ดูดีดั่งในโฆษณาเลยสักนิด(สุนัขกับเงา!)    แต่ผู้บริโภคก็เอาผิดไม่ได้(บ่อยครั้งที่ไม่คิดจะเอาผิด ("ช่างเถอะไหนๆก็ซื้อมาแล้ว กินๆไปเถอะ!")    เพราะภาพในโฆษณามีตัวหนังสือเท่ามดที่มุมจอว่า "ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น" (ถุย!)


๒.ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
-เทคนิคนึงในการตอ...เอ้ย!..โฆษณาที่ใช้คำกำกวมอันเป็นสโลแกนยอดฮิตว่าช่วยให้ "ผิวกระจ่างใส" และตามด้วยภาพยอดฮิต  คือภาพคนโดนของ...เอ้ย!...คนหน้าหมองที่ค่อยๆขาวขึ้นทีละสเต็ป      
หากหลับตาฟังสักนิดจะรู้ว่า  มันไม่ได้บอกว่า "ช่วยให้ผิวขาว"  แต่มันบอกว่า "ผิวกระจ่างใส(ถึงบอกว่าใช้แล้วขาววอกยังมีคำว่ากระจ่างใสต่อท้ายอยู่ดี!)"   ทำให้คนดูคิด(เพ้อ)ไปเองว่าใช้แล้ว "ผิวขาว" (ตื่นซะนะลูกนะ)    
อีกอย่างภาพคนที่มายืนเรียงไล่ระดับสีผิวกันเป็นตับนี้     ตอนส่งเอกสารขออนุมัติออกอากาศ  ก็อาจเขียนแค่ว่า "เป็นภาพคนยืนเรียงกัน" โดยไม่เอ่ยคำว่า "ผิวขาว" เลย! (ถึงเขียนอะไรไปมันก็คงไม่อ่านอยู่ดีแหละ)


๓.ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม/บำรุงสมอง(เยอะมากในยุคนี้)
-หนึ่งในเทคนิคการโฆษณาที่ทำให้ผู้มีอายุไม่เกิน ๑๘ ปี(รึมากกว่านั้น)  คิดว่า  กินแล้วจะฉลาดปราดเปรื่องประดุจดั่งได้กินโอสถทิพย์ของไท่ซ่านเหล่าจิน   รึไม่ก็ได้กินเศษศิลาแตกจากเทือกเขาฮัวกั่วซาน กินแล้วรู้สึกมีกำลังวังชามอำนาจเหนือจินตนาการดุจได้ครอบครองลูกแก้วสี่วิญญาณ(ใครดูอินุยาฉะ ยกมือ!)   รึได้กินยาอายุวัฒนะน้ำอมฤตจากสรวงสวรรค์   ซึ่งเป็นเทคนิคง่าย(ที่หลอกได้หลอกดี) เช่น
การเอานักแสดง(ที่หน้าตาดูไม่โง่)มาใส่ชุดกาวน์แบบหมอ     แล้วออกมาพูดให้คนเข้าใจไปเองว่านี่คือหมอ(อย่ากินหญ้านะลูกนะ)     แล้วก็มีภาพสินค้าตามด้วยภาพเด็กกำลังคิดเลขอย่างคล่องแคล่ว(คำเตือน ควรดื่มไม่เกินวันละ ๒ ขวด เด็กและสตรีมีครรภ์ บลาๆๆ...)      
ทานโทษมันบอกตอนไหนว่า "กินแล้วฉลาด คิดเลขเก่ง"    มันแค่เอาภาพมาตัดแปะกันเท่านั้นเอง   แล้วคนดูก็เพ้อต่อไปเองว่า "ผลิตภัณฑ์นี้  หมอ(ตี๋)แนะนำให้แด่...เอ้ย!...ดื่มแล้วลูกจะฉลาด"  ทั้งๆที่โฆษณาไม่ได้พูดอะไรเลย(กินหญ้าดีกว่ามั้ย?)

และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่อวดอ้างสรรพคุณไว้สูงล้ำเกินคนธรรมดาจะเข้าใจนั้น   ถึงจะแปะโลโก้ อย. ไว้ก็ไม่ได้แปลว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะให้ผลตามโฆษณา   เพราะการมี อย. แปลว่า "กิน/ใช้แล้วไม่ตาย" ก็แค่นั้น

ทานโทษ(อีกที)  นักโฆษณาบางทีไม่จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถอะไรเลยก็ได้   แค่คิดหาวิธีทำให้คนดู "คิดไปเอง" ตามที่นักโฆษณาต้องการโดยไม่ผิดกฎหมายแค่นั้นเอง
วันนี้เป็นอะไรนะเรา  พิมพ์ผิดบ่อยจัง


(ไม่ได้เคืองกันเป็นการส่วนตัวนะแจ็ค  มันก็เป็นแค่เรื่องธุรกิจ-ลอร์ดคัตเลอร์ แบ็คเก็ต)



Atthanij Pokkasap  จะเอาอันสวยๆในตู้โชว์มะ..ล่ะ อันนั้นเก็บเป็นปีก็ไม่เสีย.. ผู้บริโภคที่ฉลาดต้องพึ่งตัวเองให้มาก หน่วยงานอะไรต่ออะไรนั่นมันแค่แนวกันไฟของ..ของ..? นู้นนน...ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ ปชช.ทั่วๆไปเลย...


นาคเฝ้าคัมภีร์     ฉลาดกันนัก ประชาชน



No comments: