Buddha-sci-fi-muayThai-history-astrology-superstition-language-yoga-music-art-agricuture-herb-food

...I believe that meditation and healthy food are an essential human experience and should be freedom to learn too................................ Buddha-Dharma-Sangha-science-fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-religion-Language-math-mind-universe-meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food...this is good health and life. All give us be Oneness. I will try to understand you and everybody around the world................ WE ALL ARE FRIENDSHIP......Truth me

Friday, October 16, 2015

๕๙.Buddha-Dharma-Sangha-Science-Fiction-MuayThai-History-Astrology-Superstition-Religion-Language-Math-Mind-Universe-Meditation-Yoga-Music-Art-Agricuture-Herb-Food=Good Life Health.











*** Atthanij Pokkasap  shared Mareep Nnag Yakkhanugann's photo. 4 hours ago
องค์รูปสีน้ำเงินในแสงสว่างแห่งโพธิจิตที่บังเกิดขึ้นจริงของ "เด็กดื้อ" ที่ภพนี้ชาตินี้ไม่เคยเชื่อว่า พระพุทธศาสนาและพระพุทธเจ้า มีจริง!!!


* เหวัชระยิดัมองค์สำคัญในการปฏิบัติพุทธตันตระ   พระองค์มีรูปกายสีน้ำเงินเข้ม  มุมมองในผู้ศึกษาพุทธธรรมได้แบ่งแยกอย่างชัดเจนว่าอนัตตาและอารมณ์ฝ่ายดีเป็นอริยะชนผู้มีคุณความดี  เป็นผู้มีธรรมะผู้สัมพันธ์ด้วยจึงเป็นอริยะชนด้วย    แต่ในด้านตรงข้าม อัตตาและอารมณ์ฝ่ายร้ายเป็นความชั่วร้ายเป็นทุรชนที่จะต้องทำลายทิ้งหรือเก็บกดคุมขัง  เพื่อมิให้ผู้ที่สัมพันธ์ด้วยกลายเป็นผู้ชั่วร้าย   ความขัดแย้ง การต่อสู้จึงบังเกิดขึ้นตลอดเวลา    แต่เจตนารมณ์ในพุทธรรมมุ่งเน้นในสันติวิธีมากกว่าการต่อสู้และความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นภายในตัวผู้ศึกษาธรรม  ยิ่งไม่ควรบังเกิดขึ้น   ด้วยว่าการต่อสู้กันนั้นในที่สุดตัวเราโดยองค์รวมจะเป็นผู้ถูกทำลายเอง    


ในมุมมองของพุทธตันตระ   จึงมุ่งสู่ศูนยตาสภาวะ  สภาวะที่ไม่ได้อยู่เองโดดๆเป็นสภาวะที่สัมพันธ์ แอบอิงกัน  เป็นสภาวะแห่งการมองอัตตา อนัตตา อารมณ์ดี อารมณ์ร้ายตามความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ ที่ต้องสัมพันธ์กัน เปิดโล่ง โปร่งใส   เมื่อดวงตาแห่งธรรมเปิด มองเห็นศูนยตาสภาวะ พุทธภาวะก็บังเกิด  ผู้เปิดดวงตาแห่งธรรมก็คือองค์ยิดัม 


แท้จริงแล้วองค์ยิดัมก็คือ รากฐานแห่งพลัง อัตตา อนัตตา อารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง    ดังนั้นเมื่อพลังแห่งอัตตา อนัตตา อารมณ์ทั้งมวล สัมพันธ์กันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา  พุทธภาวะก็บังเกิด    ยิดัม ก็คือ วัชรธรรมกาย หรือพุทธภาวะนั่นเอง

Atthanij Pokkasap  อย่าเอาศัพท์สูงส่งในพระพุทธศาสนามารับใช้ ธรรมะกเลวกะราดชั้นต่ำๆของคุณ....โดยเฉพาะผู้รู้ในเมืองไทยที่อ่านภาษาไทยโบราณไม่ออก..เป็นกันมาก....


Atthanij Pokkasap  ไสยศาสตร์ไทย และโหราศาสตร์ไทย เป็นหลักฐานที่ประเทศนี้มีมากกว่าที่ธิเบต แต่ ไอ้นักประวัติศาสตร์ไทย นักการศีกษาพระพุทธศาสนาของไทย...ตัดทิ้งหมดจึงเป็นเหตุให้รู้ว่ามันเขียนประวัติศาสตร์ชาติตามใบสั่งอังกฤษและฝรั่งเศส เลวส่งต่อรุ่นต่อรุ่น... กว่า 150 ปีแล่ววว....


Atthanij Pokkasap  กำเนิดสมาธิบริสุทธิ์แบบพุทธๆ ..พุทธตันตระสยาม มีสายเดียวในโลก...นั่นคือ คัมภีร์ปถมัง !!!


Mareep    เสริชมาจากวิกิพีเดียน่ะครับ...ที่มาการอธิบายก็เลยอาจหลายมือหลายความคิด...การตีความอย่างนี้มันมีส่วนทำให้คนบางกลุ่มมักไปตั้งกระทู้เอาว่า...ดีชั่วไม่มี...ธรรมชาติที่แท้เป็นกลางๆสีเทาเท่านั้น...ไม่มีอะไรดีหรืออะไรชั่วอย่างแท้จริง...บางคนถึงกับเอาไปพัวพันกับเรื่องการเมืองหรือสถาบันการปกครองว่าไม่มีอะไรดีชั่ว...ทุกคนมีสีเทาเหมือนกันหมด...แล้วแต่ใครขึ้นมาใหญ่...ไม่มีใครดีจริงกว่าใคร!!!???...


Atthanij Pokkasap  ก็..แบบเดียวกับสายพระปริยัติ เถียงกันเอาเป็นเอาตาย ถึงกับจุดไฟเผาทำร้ายกันล้างวัด(หนักกว่าโงดินเนียมเล่นงานศาสนาพุทธก่อนเวียดนามแตก)แต่ฝ่ายปฏิบัติ เดินทางข้ามฝั่งกันไปเป็นแถว...เหมือนอุปมาตอนพระพุทธเจ้ากับคณะสงฆ์อรหันต์ข้ามแม่น้ำคงคา ขณะที่พวกชาวเรือกำลังมัวแต่เถียงกันหาเรือที่เหมาะสมมารับพระแต่ละรูปกันอยู่....


Atthanij Pokkasap  การแสดงความเห็นแบบบัตรสนเท่ห์...เป็นพฤติกรรมชั่วช้าที่สุดของสังคมมนุษย์ ครับ


Atthanij Pokkasap  ไม่แตกต่างโพล ของ นักวิชาการทุกวันนี้...


Atthanij Pokkasap  พวกที่เถียงและแสดงความเห็น ที่ยกตัวอย่างมานั้นอยู่นอกประเด็นกฏพื้นฐานของวิทยาศาสตร์หมดเลย...(Law of Conservative of Energy) คุณจะเอาชนะแบบไม่คำนึงถึงกฏกติกาพื้นฐาน(สัมมาทิฏฐิ)กันเลยนี่หว่า......จิ๋นซีฮ่องเต้ เกิดมาเพื่อทำลายล้างคนพวกนี้โดยตรง...


Mareep    อยู่นอกกฏก็เป็นไอ้พวกโลกันตรนรก...อาจารย์เอ่ยถึงจิ๋นซีทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Hero ของจางอี้โหม่วเลย...ทำออกมาได้สวยลึกซึ้งและไม่ได้ตีความด่าว่าความโหดร้ายของจิ๋นซีแต่อย่างเดียว...ผมคิดว่าความโหดร้ายดั่งกล่าวมันน่าจะมีเหตุผลที่มามากกว่าที่ใครๆชอบวิจารณ์กัน...


Atthanij Pokkasap  จิ๋นซีศึกษาหนักมากแล้วหวังนักปราชญ์มาช่วยออแบบบ้านเมืองแบบเร่งด่วน แต่มันกลับมาทะเลาะทุ่มเถียงหาข้อสรุปไม่ได้ท่านเลยกวาดล้างตายยกแผ่นดินไปเลย....นักปราชญ์เดนตายที่เหลือเลยป้ายสีว่าท่านโหด...


Atthanij Pokkasap  ความแตกแยกเละเทะในสังคมไทย นี้ผมเฝ้ามองอยากรู้อยากเห็นนับแต่จำความได้กว่า ๕๐ ปีแล้ว มันถอยหลังระเนนระนาด ความจริงทางประวัติศาสตร์ถูกปิดบังและบิดเบือนหมด แม้แต่ธรรมะ...มันก็ล้างสมองให้เป็นเหมือนนิทานก่อนนอน สำหรับสังคมที่ไม่รู้จักโต...และวันนี้เห็นชัดมาก ไม่รู้จักโต...ไม่รู้ภาษา...อะไรเลย...จะอยู่แต่กะเทพนิยาย...กันทั้งนั้น...


Atthanij Pokkasap  ทั้งที่ ธรรมะเป็นเรื่องของชีวิตจริง...ศาสดาคนแรกที่ให้ความหมายชีวิตจริงๆ คือ ท่านสาราธุษตรา(โซโรอัสเตอร์) ที่ว่า...ชีวิต คือ การต่อสู้....หลักของครอบครัวของศาสนาบูชาไฟ แม่หญิงเป็นใหญ่ในตระกูล..ครับ มหาเสนาบดีจะออกรบ ถามจะต้องทำร้ายข้าศึกขนาดไหน แม่หญิงแห่งตระกูลจะเป็นผู้ชี้ขาด...


Mareep    ก็เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าจะศึกษาและเปรียบเทียบวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นกับสังคมยุคปัจจุบัน


Ren    สังคมไทย..ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เห๊อะๆๆๆ..กูเป็นหางช้าง ว่ะ...แหะแหะแหะ


Atthanij Pokkasap  อ้าว ไม่ใช่แมงหวี่บินตามตอมตูดช้างหรอกเร้อะ....??!


Atthanij Pokkasap  อาตมันคุุ้มครอง คุณภาพจิตชั้นสูง(เกือบที่สุด) ในพุทธตันตระสยามขนาดเล็กสุดของปุถุกัลยาณชนในวัยเด็กอ่อน...ก็คือ ขัวญ ตามวัฒนธรรมชาวนาของสุวรรณภูมิที่พุทธตันตระพัฒนามาเป็นเทพในโหราศาสตร์เรียกว่า *แม่ซื้อ*....


Atthanij Pokkasap  รากฐานของการทำความคุ้นเคยกับสุญญตภาวะ มีตำราตกทอดเฉพาะที่ฝ่ายพุทธตันตระสยาม นั่นคือ คัมภีร์ปถมัง(Buddhatantric Book of Genesis) ชนชาติเดียวเท่านั้นในโลกของพุทธศาสนิกชน!!!


Atthanij Pokkasap  ปรากฏการณ์เหวัชระ(ปฏิมากรรมลอยตัวองค์เดียวในบรรดารูปเคารพที่ใช้ทอง..ในการหล่อหลอมเปลืองที่สุด)ของ Atthanij Pokkasap เกิดจากประสบการณ์เฉพาะในชาตินี้ภพนี้ ไม่ยอมเชื่อว่า พระพุทธศาสนามีจริง ไม่ยอมเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง จึงพยายามค้นคว้าจับผิดหาข้อลบล้างพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบ...ประสบการณ์แห่งความดื้ออย่างร้ายกาจ ๕๐ ปี เผชิญหน้ากับฤทธานุภาพของผู้ทรงศักดิ์ทางจิตนานาชาติของพระพุทธศาสนา ๓๕ ปีที่ต้องยอมรับความยิ่งใหญ่อย่างสูงส่งของพระพุทธศาสนา...และจากนั้นมาจึงพยายามรักษาความรู้สึกรักศรัทธาในพระพุทธศาสนาอันสูงส่งยิ่งใหญ่นั้นไว้ตลอด จึงเป็นที่มาของการกล่าวธรรมที่ประกอบด้วยอารมณ์รุนแรงและชัดเจน ครับ ..อย่ามาลบหลู่อวดอ้างหากินแบบหยาบให้รู้เมื่อไหร่...เป็นเรื่อง...



No comments: